SUTHA พุ่งชนซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 4 ปี! รับดีมานด์ปูนขาวเพิ่ม-ลุ้นผลงานปีนี้สดใส

SUTHA พุ่งชนซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 4 ปี! รับดีมานด์ปูนขาวเพิ่ม-ลุ้นผลงานปีนี้สดใส


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สุธากัญจน์ จำกัด (มหาชน) หรือ  SUTHA ณ เวลา 15.49 น. อยู่ที่ระดับ 6.15 บาท บวก 1.39 บาท หรือ 29.20%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 39.01 ล้านบาท ราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่งของวันที่ระดับ 2.28 บาท ทำนิวไฮในรอบ 4 ปี 2 เดือน  โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 6.15 บาท เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2560

โดยก่อนหน้านี้ นายสมชาย จตุรานนท์ ผู้บริหารอาวุโสฝ่ายขาย การตลาดและโลจิสติกส์ SUTHA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 (ปีนี้) จะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,293.57  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 207.08 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้สินค้าเคมีภัณฑ์ประเภทปูนขาวเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ขณะเดียวกันบริษัทมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และมีการทำตลาดมากขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการส่งออกที่ประมาณ 10% ของรายได้รวม หรือประมาณ 20,000-30,000 ตันต่อปี โดยมีการส่งออกไปยังประเทศลาว, กัมพูชา และเมียนมา เป็นต้น ซึ่งในปี 2564 จะมีการส่งออกไปในประเทศไต้หวันมากขึ้น จากปีก่อนที่เริ่มมีการส่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 และปัจจุบันมีความต้องการในต่างประเทศอีกมาก

โดยมีหลายประเทศที่ติดต่อมายังบริษัท เช่น เกาหลี, อินเดีย และบังกลาเทศ เป็นต้น แต่ต้นทุนค่าส่งออกยังสูง บริษัทจึงมีสัดส่วนการส่งที่น้อย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากการส่งออกที่น้อย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทในช่วงภาวะเงินบาทแข็งค่า ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อย เพราะมีสัดส่วนการส่งออกที่น้อย

นายสมชาย กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2564 บริษัทได้มีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.Lime injection in EAF หรือตัวทำละลายปูนขาว เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยลูกค้าประหยัดการใช้งานตัวปูนขาวและพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/2564 บริษัทจะเริ่มทำการแนะนำสินค้าดังกล่าว และจะช่วยดึงดูดลูกค้าในกลุ่มผู้ประกอบการมากขึ้น โดยเบื้องต้นบริษัทคาดจะสามารถผลิตได้ที่ประมาณ 50,000 ตันในปี 2564

2.Milk Of Lime (MOL หรือ น้ำปูน) ซึ่งบริษัทได้มีบริษัทย่อยในประเทศแคนาดาที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับเตรียมน้ำปูน หรือ STT ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใส่ในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุตได้ดีกว่าอุปกรณ์ขนาดปกติที่ใช้พื้นที่ในการวางค่อนข้างเยอะ และสามารถผสมปูนให้ได้ความเข้มข้นอย่างแม่นยำ รวมถึงยังมองโอกาสในการผลิตและส่งน้ำปูนให้กับลูกค้าเอง ในกรณีที่ลูกค้าไม่ต้องการติดตั้งตัวทำละลายปูนขาว

นอกจากนี้ ในปี 2564 บริษัทยังประกาศขายที่ดิน ซึ่งไม่ได้เป็นธุรกิจหลัก (Non-Core asset) จำนวน 4 แปลง มูลค่ารวมประมาณ 166 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. ที่ดินบนทำเลนวนครขนาด 3 ไร่ มูลค่า 32 ล้านบาท,2. ที่ดินทำเลหัวหิน ขนาด 56 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา มูลค่า 37 ล้านบาท,3. ที่ดินบนถนนหน้าพระลาน ขนาด 29 ไร่ 1 งาน 12 ตารางวา มูลค่า 90 ล้านบาท และ4. ที่ดินในตำบลห้วยป่าหวาย จังหวัดสระบุรี ขนาด 11 ไร่ มูลค่า 7 ล้านบาท

ด้านการลงทุนในปี 2564 บริษัทมีแผนขยายโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) จำนวน 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ (MW) ประกอบด้วย ขนาด 0.5 เมกะวัตต์ และขนาด 1 เมกะวัตต์ เบื้องต้นคาดใช้งบลงทุนรวมประมาณ 38-40 ล้านบาท เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าประมาณ 7 ล้านบาทต่อปี

ดังนั้น หากรวมกับโครงการเดิมที่มีจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าเพิ่มเป็น 16 ล้านบาทต่อปี โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วงประหยัดค่าไฟฟ้าประมาณ 9 ล้านบาทต่อปี

Back to top button