TPLAS พุ่งแรง 13% “ออลไทม์ไฮ” ปักธงรายได้ปีนี้โต 10% เดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตบรรจุภัณฑ์

TPLAS พุ่งแรง 13% “ออลไทม์ไฮ” ปักธงรายได้ปีนี้โต 10% เดินหน้าศึกษาโมเดลธุรกิจใหม่-เพิ่มกำลังผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษ-ปฏิรูปโรงงานเป็นระบบอัตโนมัติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(23 มิ.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS ณ เวลา 12.20 น. อยู่ที่ระดับ 4.96 บาท บวก 0.58 บาท หรือ 13.24% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 361.89 ล้านบาท ราคาหุ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 5 ก.ย.2561

อนึ่งก่อนหน้านี้นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ TPLAS เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 469.71 ล้านบาท โดยการเติบโตของรายได้ในปี 2564 จะมาจาก 3 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหาร ซึ่งมีแผนพัฒนาระยะยาว เพื่อเพิ่มรายได้และกำไร รวมทั้งกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในไตรมาส 1/2564 ได้ลงทุนเครื่องจักรใหม่ มูลค่า 10 ล้านบาท ได้แก่ เครื่องจักรกล่องข้าวอีก 6 เครื่อง จากเดิมมีอยู่ 4 เครื่อง รวมเป็น 10 เครื่อง ทำให้กำลังการผลิตอยู่ที่ 31 ล้านใบ/ปี จากเดิมอยู่ที่ 12 ล้านใบ/ปี เพื่อรองรับการเติบโตได้อีกมาก

นอกจากนี้บริษัทได้ลงทุนเครื่องจักรชามข้าว 1 เครื่อง กำลังการผลิตอยู่ที่ 10 ล้านใบ/ปี มีแผนการพัฒนาตามความต้องการของลูกค้า หากมีความต้องการสูงจะมีการลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 3.5 ปี อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย

2.โครงการปฏิรูปโรงงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาแรงงาน และเพิ่มกำลังการผลิต โดยในไตรมาส 1/2564 ได้ลงทุนเครื่องบรรจุใหม่อีก 2 เครื่อง มูลค่า 5.6 ล้านบาท ซึ่งเครื่องจะเข้ามาในไตรมาส 2/2564 จากเดิมมีอยู่ 2 เครื่อง รวมเป็น 4 เครื่อง รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาเครื่องบรรจุภัณฑ์ถุงใส และ

3.โครงการศึกษาโมเดลธุรกิจ ใหม่ ๆ ที่มีโอกาสมากขึ้น และสร้างผลประกอบการที่ดีให้บริษัท โดยได้ศึกษาเครื่องต่าง ๆ ในการสร้างผลประกอบการ และเครื่องมือทางการเงินในการระดมทุน สำหรับปี 2564 บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 28 ล้านบาท หลัก ๆ ใช้สำหรับลงทุนเครื่องจักรกล่องข้าวเป็นหลัก

ส่วนไตรมาส 2/2564 แนวโน้มตลาดและสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมมีช่วงที่ชะลอตัวเล็กน้อย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้ช่องทางการขายของบริษัทลดลง จากการปิดตลาด ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการติดต่อลูกค้า เป็นช่องทางออนไลน์มากขึ้น อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ากลับบ้านมากขึ้น ส่งผลต่อ ยอดขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพิ่มขึ้น

Back to top button