ORI โบรกฯชี้แผน Spin-Off “บริทาเนีย” เข้าตลาดฯ! ระยะยาวเป็นบวก ลดภาระการเงิน-ขยายธุรกิจดี

ORI โบรกฯชี้แผน Spin-Off “บริทาเนีย” เข้าตลาดฯ! ระยาวเป็นบวก ลดภาระการเงิน-ขยายธุรกิจได้มาก แถมปลดล็อคมูลค่าเงินลงทุนแนวราบ แนะซื้อเป้า 10.10 บาท


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(9 ก.ค.64) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เดินหน้าแผน Spin-Off Britania เข้าตลาด ยื่น Filling ในไตรมาสนี้

โดยบริษัทแจ้งตลท.บอร์ดอนุมัติแผนการ Spin-Off บริษัทลูก บริษัท บริทาเนีย จำกัด (BRI)  ที่ประกอบธุรกิจบ้านจัดสรรด้วยการเพิ่มทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย 1) เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก(IPO) รวมถึงผู้ถือหุ้นสามัญของ ORI เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น (Pre-emptive Offering) 2) เสนอขาย ESOP Warrant ให้กับกรรมการผู้บริหาร และพนักงานของ BRI

ซึ่ง 2 ส่วนรวมทั้งหมดไม่เกิน 30% ของหุ้น BRI ภายหลัง IPO และใช้สิทธิ ESOP Warrant ทำให้ภายหลังกระบวนการแล้วเสร็จ สัดส่วนที่ ORI ถือหุ้น BRI จะลดลงจากปัจจุบัน 99.99% เป็นเหลือไม่น้อยกว่า 70% และ BRI ยังเป็นบริษัทย่อยของบริษัทต่อไป

ทั้งนี้ปัจจุบัน BRI มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เป็นจำนวนหุ้น 30 ล้านหุ้น ที่ Par 10 บาท โดยยังไม่ได้กาหนดจำนวนหุ้นและราคาเสนอขาย ส่วน Par อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง ซึ่งคาดจะดาเนินการยื่น Filling ภายในไตรมาส 3/2564

แนวราบโตต่อเนื่องพร้อมแบรนด์ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และระดับราคา BRI ทำธุรกิจบ้านจัดสรรผ่าน 4 แบรนด์ คือ Belgravia บ้านเดี่ยวระดับ Luxury ราคา20-50 ล้านบาท, Grand Britania บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 8-20 ล้านบาท,Britania บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ราคา 4-8 ล้านบาท และ Brighton บ้านแฝดและทาวน์โฮม ราคา 2.5-4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 มีโครงการที่พัฒนาแล้วเสร็จบวกกับทีอยรู่ ะหว่างการขายและโอนรวม 15 โครงการ มูลค่า 1.95 หมื่นล้านบาท

ขณะที่พิจารณางบการเงินของ BRI ในปี 263 มียอดโอน 2.3 พันล้านบาท โตเฉลี่ย 127% CAGR ในช่วง 2 ปีก่อนหน้า และกำไร 349 ล้านบาท โตเฉลี่ย 129% CAGRในช่วง 2 ปีก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนยอดโอนที่ 24% และกาไรที่ 13% ของงบรวม ORI ส่วนไตรมาส 1/2564  BRI มียอดโอน 834 ล้านบาท และกำไร 130 ล้านบาท คิดเป็นยอดโอน 24% และกาไร 16% ของงบ ORI

ระยะสั้นกระทบกำไรปีหน้าเล็กน้อย 6% แต่เป็นบวกระยะยาวมองเป็นบวกต่อ ORI แม้ระยะสั้นประเมินว่าถือหุ้น BRI ที่ลดลงจะกระทบ 6% หรือ 231 ล้านบาท ต่อประมาณการกำไรของ ORI ปี  2565 ที่ปัจจุบันคาด 3.76 พันล้านบาท ตามยอดโอนที่กระทบ 12%

อย่างไรก็ดี แม้รวมผลกระทบดังกล่าว กำไรปี 2565 ยังคาดขยายตัวได้ 20%  เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนระยะยาว จะได้รับประโยชน์ในด้าน 1) ลดภาระในด้านเงินทุน ทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น ทำให้มีศักยภาพพัฒนาโครงการและขยายธุรกิจได้มากขึ้น อาทิ ธุรกิจ Recurring อย่าง Logistic, Healthcare, AMC ที่มีแผนลงทุนอีกมาก 2) ชัดเจนในการแยกโครงสร้างธุรกิจ และบริหารจัดการคล่องตัวมากขึ้น 3) ปลดล็อคมูลค่าเงินลงทุนในส่วนของแนวราบมากขึ้น

สำหรับ BRI จะได้ประโยชน์จาก 1) สามารถระดมทุนได้หลายช่องทาง 2) นาเงินจากIPO ไปพัฒนาโครงการ, ขยายธุรกิจ, ชาระหนี้เงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน 3) มีภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะบริษัทจดทะเบียน

คงราคาเหมาะสม 10.10 บาท ยังแนะนาซื้อ และเป็น Top Pick คงคำแนะนาซื้อ ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 10.10 บาท (อิง PER 8.6x) จาก 1) มองว่าความชัดเจนของการให้สิทธิ Pre-emptive rights จองซื้อหุ้น BRI เป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น ORI 2) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 คาดขยายตัวเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ก่อนเร่งขึ้นเด่นใน ครึ่งหลังปี 2564 จากแผนโอนคอนโดใหญ่ ส่วนการปิดแคมป์ ก่อสร้างกระทบจำกัด

3) Valuation น่าสนใจ เทรดบน PE2021-2022 เพียง 6.4x ต่ากว่าค่าเฉลี่ย 5ปีที่ 6.7x และกลุ่มอสังหาฯที่ 9.4x ไม่สอดคล้องกาไร 2 ปีข้างหน้าที่เด่นกว่า พร้อมคาดปันผลสูงเฉลี่ย 6.2-8.0% ต่อปี อย่างไรก็ดี Key Risk ที่กดดันคือจำ นวนผู้ติดเชื้อยังสูงขึ้น อาจทาให้ภาครัฐขยายเวลาปิดแคมป์ หรือออกมาตรการควบคุมเพิ่มเติม

Back to top button