ASIAN บวก 5% โบรกชูเป้า 19 บ. ชี้กำไร Q2 แตะ 236 ลบ. รับบาทอ่อน – อาหารสัตว์หนุน

ASIAN บวก 5% โบรกฯแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19 บ. คาดกำไรQ2 แตะ 236 ลบ. รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่รายได้จากธุรกิจสินค้า Premium Commodities ฟื้น และ Pet Food เติบโตต่อเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (12 ก.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ณ เวลา 11.49 น. อยู่ที่ระดับ 18.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 4.57% โดยทำจุดสูงสุดที่ 18.40 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 17.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 421.13 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ( 8 ก.ค. 2564) โดยมีการประเมินต่อหุ้น ASIAN ว่าบริษัทจะรายงานกำไรปกติในช่วงไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 20.50% จากไตรมาสก่อน โดยสาเหตุที่เพิ่มขึ้นจากในช่วงไตรมาส 2/2563 สาเหตุรายได้รวมของบริษัทฯได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกสินค้า แต่จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างมากเฉลี่ยอยู่ที่ 31.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ของบริษัทฯทำจุดสูงสุดที่ 18.90% ทำให้กำไรปกติยังสามารถทรงตัวในระดับสูง

ขณะที่คาดไตรมาส 2/2564 กำไรปกติเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาจาก 1) คาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะอยู่ที่ 17.50% จาก 16.90% ของไตรมาสก่อนหน้า ด้วยค่าเงินบาทเฉลี่ยอ่อนค่ามาอยู่ที่ 31.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 30.29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) (2) รายได้จากธุรกิจ Premium Commodities และ Pet Food กลับมาเติบโตได้จากช่วง Low Season ในไตรมาส 1/2564 ขณะที่ธุรกิจ Pre Fried ยังคงเติบโตได้ดี (3) รายได้จากธุรกิจทูน่าและอาหารสัตว์น้ำทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับแผนขยายกำลังการผลิตในปีนี้แบ่งเป็น Pre Fried (Frozen Food) 2,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้น 25% จะรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2564 เป็นต้นไป และ Pet Food 1 ไลน์การผลิต 1,300 ตันต่อปีเพิ่มขึ้น 3% จะรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน ก.ย.2564 เป็นต้นไป ขณะที่ในปี 2565 กำลังการผลิตของ Pet Food จะเพิ่มขึ้นอีก 3 ไลน์การผลิต คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4,700 ตันเพิ่มขึ้น 10%

นอกจากนี้ทางผู้บริหารยังคงเป้ารายได้แบบ Conservative เท่าเดิม ซึ่งคาดรายได้ปี 2564โต 9%, อัตรากำไรขั้นต้น(Gross margin) 14-15% ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯมี Upside จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และธุรกิจ Pet Food และ Pet Food ที่ดีกว่าคาดอีกทั้งบริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจ Plant- Based Food และขยายธุรกิจไปยังประเทศจีนมากขึ้นเนื่องจากเห็นว่าธุรกิจ Pet Food ที่ประเทศจีนมีอัตราการเติบโตในระดับสูง

ส่วนด้านฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 อยู่ที่ 933 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) รายได้จากธุรกิจ Pre Fried และ Pet Food ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง (2) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin)ทรงตัวที่ 16% เทียบกับปี 2563 ได้รับอานิสงส์จากProduct Mix ที่ดีขึ้น (3) กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในส่วนของ Pet Food และ Pet Food

อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 19.00 บาท อิง 2564 ค่า PER ที่ 18.50 เท่า โดยราคาเป้าหมายต้นทุนของผู้ถือหุ้นเดิม (Fully diluted)จากการจ่ายหุ้นปันผล 2:1 เข้าไปแล้ว โดยมองว่าราคาเป้าหมายยังมี Upside จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่อาจจะดีกว่าที่คาดสาเหตุมาจากค่าเงินบาทอ่อนค่าและธุรกิจ Pet Food และ Pre Fried ที่อาจจะโตดีกว่าคาด ขณะที่ความเสี่ยงหลักของบริษัทฯมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและธุรกิจอาหารสัตว์ที่อาจจะไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาด

Back to top button