PTTGC ซื้อกิจการกลุ่ม “HVB” 1.48 แสนลบ. ไม่ต้องเพิ่มทุน! โบรกฯ ชี้ต่อยอดธุรกิจโตยาว

PTTGC ซื้อกิจการกลุ่ม “HVB” 1.48 แสนลบ.ไม่ต้องเพิ่มทุน! โบรกฯชี้ต่อยอดธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาว แนะซื้อเคาะเป้า 80 บาท


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC  เปิดเผยว่า ตามหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลขที่ 01-137/2564 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท PTTGC International (Netherlands) B.V. (“GC Inter B.V.”) เกี่ยวกับการลงทุนในกลุ่ม High Value Business (HVB) บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

บริษัทฯ เชื่อว่าการเข้าทาธุรกรรมจะส่งเสริมให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์ เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการดาเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง

สำหรับการจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนธุรกรรมการซื้อหุ้น Allnex Holding GmbH โดย GC Inter B.V. ครั้งนี้บริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเนื่องจากบริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพออันได้แก่เงินสดในมือ ความสามารถในการจัดหาเงินกู้จากภายนอก ทั้งจากเงินจากสัญญาเงินกู้จากบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) หรือ PTT และสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ ด้วยผลประกอบการของบริษัทฯ แล้ว การเข้าซื้อกิจการการบริษัทเป้าหมายที่มีผลประกอบการที่ดีและมูลค่า Synergy จะส่งผลให้ผลประกอบการรวมและฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งและสามารถดำเนินธุรกิจและ เจริญเติบโตไปตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยบริษัทให้ความสาคัญในการดูแลรักษาระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินให้ ยังคงแข็งแกร่งต่อไปด้วย

อนึ่งเช้านี้(12 ก.ค.64) PTTGC เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท PTTGC International (Netherlands) B.V. (“GC Inter B.V.”)เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTGC โดยบริษัทฯเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน GC Inter B.V. ได้มีมติอนุมัติให้ GC Inter B.V. เข้าทำธุรกรรม โดยมีรายการดังต่อไปนี้

(1) ธุรกรรมที่ 1: (ก) ซื้อหุ้นสามัญใน Allnex Holding GmbH (“กลุ่มบริษัทเป้าหมาย”) จาก AllnexHoldings S.à.r.lรวมทั้งสิ้นร้อยละ 100 ของกลุ่มบริษัทเป้าหมาย ที่ราคา 3,575.9 ล้านยูโร หรือเทียบเท่ามูลค่าประมาณ 132,608 ล้านบาท และ (ข) สัญญาเงินกู้ให้กลุ่มบริษัทเป้าหมายจากAllnexS.à.r.lมูลค่า 426.30 ล้านยูโร หรือเทียบเท่ามูลค่าประมาณ 15,809 ล้านบาท

(2) ธุรกรรมที่ 2: ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ใน Allnex Holding Germany II GmbH (“Holding II”) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทเป้าหมายจาก WP INVEST GMBH (“WP Invest”) เทียบเท่าร้อยละ 6ของหุ้นทั้งหมดใน Holding IIที่ราคา 1,744 ยูโร หรือเทียบเท่ามูลค่าประมาณ 64,673 บาท ซึ่งAllnex Holdings S.à.r.lและ AllnexS.à.r.l (“ผู้ขาย”) จะดำเนินการให้ WP Invest โอนหุ้นดังกล่าวให้ GC Inter B.V.

โดยผู้ขายเป็นกองทุนที่มี Advent International เป็นที่ปรึกษากองทุนและการเข้าทำธุรกรรมทั้งธุรกรรมที่ 1 และธุรกรรมที่ 2 รวมเรียกว่า “ธุรกรรม”

ทั้งนี้การทำธุรกรรมข้างต้นเป็นไปภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นฉบับเดียวกันโดยที่สัญญาซื้อขายหุ้นได้ถูกลงนาม เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,002.20 ล้านยูโร หรือเทียบเท่ามูลค่าประมาณ 148,417 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 37.0836 บาท ต่อ 1 ยูโร) ซึ่งมูลค่าดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนตามปัจจัยบางประการบริษัทฯคาดว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.) ว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนซื้อ Allnex ธุรกิจ Rasin Coating ของ PTTGC เนื่องจากเป็นการเพิ่มธุรกิจ Downstream ที่เป็น Coating ซึ่งมี Margin ที่ค่อนข้าง stable ส่วนเงินสดในมือ PTTGC เพียงพอไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ณ สิ้น มี.ค. 2564 มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมประมาณ 1 แสนล้านบาท และไตรมาส 2/2564 จะมีเงินจาการขาย GPSC ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท และหลังจากเงินกู้จาก PTT D/E จะอยู่เพียง 0.6 เท่า และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากเงินกู้ PTT จะ offset กับกำไรของ Allnex ประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 80 บาท โดยเชื่อว่าผลประกอบการในปี 2564 จะฟื้นตัวแกร่งจากธุรกิจปิโตรเคมีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTGC ราคาเป้าหมาย 75 บาท โดยมองการเข้าซื้อ Allnex ไม่จำเป็นต้องหาเงินทุนเพิ่ม เพราะมีเงินสดในมืออยู่ 1.09 แสนล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/64 รวมถึงการขายธุรกิจ 3 หมื่นล้านบาท และการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 2/64 อีกทั้งเงินกู้ยืมจาก PTT นั้นเพียงพอต่อการเข้าทำธุรกรรมขนาด 1.48 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ คาด D/E จะปรับตัวสูงขึ้น 0.6-0.7 เท่า หลังการเข้าซื้อ จาก 0.3 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1/64 และยังต่ำกว่านโยบายของบริษัทที่กำหนดไว้ 1 เท่า

อย่างไรก็ตาม PTTGC มีมุมมองเชิงบวกต่อดีล M&A นี้โดยคาดว่า EBITDA ของ Allnex จะเพิ่มขึ้นจากระดับ 300 ล้านยูโรเป็น 4-500 ล้านยูโร จากกชุ่มยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค. 64) จากการประชุมกับทาง PTTGC เช้านี้ ผู้บริหารแจ้งว่าแม้การซื้อกิจการครั้งนี้ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.4 แสนล้านบาท แต่คาดว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เนื่องจากสิ้นไตรมาส 1/2564 บริษัทมีเงินสดในมือราว 1 แสนล้านบาท, มีเงินสดจากการขายหุ้น GPSC ราว 25,000 ล้านบาทและมีการกู้จาก PTT อีกราว 73,920 ล้านบาท หลังกู้จาก PTT จะทำให้ D/E เพิ่มเป็นแค่ 0.6 เท่า
โดยการซื้อกิจการครั้งนี้ซื้อที่ราว EV/EBITDA ที่ 12 เท่า ไม่ถือว่าแพงหากเทียบกับอุตสาหกรรมที่ 10-13 เท่า และคาดว่าดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2564

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยยังมองบวกต่อการซื้อกิจการครั้งนี้ที่จะต่อยอดธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVB) มากขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงและคาดงบไตรมาส 2/2564 ที่ยังดีทำให้ยังมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 70 บาท

Back to top button