BRR ดีดแรง 9% หลังเซ็นรับจ้างผลิต “บรรจุภัณฑ์ชานอ้อย” ส่งรายใหญ่สหรัฐฯ

BRR ดีดแรง 9% ราคาแตะ 6.85 บ. หลังเซ็นรับจ้างผลิต “บรรจุภัณฑ์ชานอ้อย” ส่งรายใหญ่สหรัฐฯ คาดหนุนรายได้มั่นคงระยะยาว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR ล่าสุด ณ เวลา 10.29 น. อยู่ที่ 6.85 บาท บวก 0.55 บาท หรือ 8.73% สูงสุดที่ 6.85 บาท ต่ำสุดที่ 6.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 9.72 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRR เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจ New S Curve ของกลุ่ม BRR โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยในครึ่งปีหลังนี้ จะเห็นทิศทางการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และจะเริ่มเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยงจาการดำเนินงานที่พึ่งพิงธุรกิจหลักคือการจำหน่ายน้ำตาลเพียงอย่างเดียว ทำให้กลุ่ม BRR มีความมั่นคงของรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่มีความหลากหลาย และสามารถใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้ที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาล ช่วยสร้างความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว

โดยกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ชูการ์เคน อีโคแวร์ จำกัด (SEW) เป็นธุรกิจที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญและจะขับเคลื่อนธุรกิจนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านมาได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย และลงทุนโรงเยื่อใหญ่ที่เป็นวัตถุดิบผลิตสินค้า เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่กลุ่ม BRR

ล่าสุด SEW ประสบความสำเร็จรุกขยายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยไปตลาดต่างประเทศ หลังได้ลงนามรับจ้างผลิตสินค้าให้กับ Amercare Royal ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้นำเข้ารายใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือน มิ.ย.64 เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยประเภทชามภายใต้แบรนด์ลูกค้า (OEM) ส่งไปจำหน่ายให้แก่เชนร้านอาหารชื่อดังในสหรัฐฯ หลังจากสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

โดยใช้เครื่องจักรในการผลิตทั้งสิ้น 10 เครื่อง คิดเป็น 70% ของกำลังการผลิตในปัจจุบัน แบ่งการผลิตออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกจะใช้เครื่องจักร 4 เครื่อง รวมกำลังการผลิต 4 ล้านชิ้นต่อเดือน คาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าได้ภายใน ก.ย.-ต.ค.นี้ ส่วนเฟส 2 ใช้เครื่องจักรผลิต 6 เครื่อง กำลังการผลิต 6 ล้านชิ้นต่อเดือน คาดว่าจะเริ่มส่งออกได้ภายในไตรมาส 1/65

ทั้งนี้ความสำเร็จครั้งนี้ มาจากศักยภาพด้านการผลิตของ SEW ที่มีแหล่งวัตถุดิบเยื่อกระดาษสีน้ำตาลที่ผลิตจากชานอ้อยที่มีการพัฒนานวัตกรรมซึ่งเป็นองค์ความรู้ของกลุ่ม BRR ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มด้านราคาขายที่ดีกว่าราคาในท้องตลาด ขณะเดียวกันคู่ค้าอย่าง Amercare Royal ต้องการกระจายความเสี่ยงด้านสงครามการค้าจากการว่าจ้างผลิตบรรจุภัณฑ์ในประเทศจีน

สัญญาที่เราลงนามกับผู้นำเข้ารายใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นสัญญาจ้างผลิตระยะยาวที่เข้ามาช่วยเพิ่มรายได้และสร้างความมั่นคงด้านผลการดำเนินงานจากกลุ่มธุรกิจ New S Curve ซึ่งมีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญต่อการผลักดันการเติบโตให้แก่กลุ่ม BRR นับจากนี้เป็นต้นไป” นายอนันต์ กล่าว

Back to top button