“กสิกรไทย” ส่อง 3 หุ้นสื่อสาร! ชู ADVANC เด่นสุด Capital Gain-Dividend Yield สูง

“กสิกรไทย” ส่อง 3 หุ้นสื่อสาร! ชู ADVANC เด่นสุด Capital Gain-dividend yield สูง เกิน 4% พร้อมเล็งสร้าง New S-curve ผ่านการให้บริการ B2B ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้เพิ่มจากเดิม 10% เป็น 20-25% ในอีก 2-3 ปีนี้


บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ หลังการประชุมนักวิเคราะห์ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM  และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) INTUCH โดยแบ่งประเด็นและมุมมองของนักวิเคราะห์ดังนี้

สำหรับ ADVANC มองว่าตลาด B2C ในธุรกิจเซลลูลาร์เติบโตจนถึงขีดสุดแล้ว ซึ่งเป็นตัวช่วยเสริมฐานลูกค้าให้กับธุรกิจอื่นๆ เช่น บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่ (fixed broadband) และดิจิทัลคอนเทนท์ โดยทางบริษัทตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นอันดับสามในมาร์เก็ตแชร์ของธุรกิจ fixed broadband ทั้งเรื่องของจำนวนผู้ใช้งาน และรายได้ จากขณะนี้อยู่ที่อันดับสี่

นอกจากนั้นแล้วยังเล็งสร้าง New S-curve ผ่านการให้บริการ B2B โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้เพิ่มจากเดิม 10% เป็น 20-25% ในอีก 2-3 ปีนี้ แม้ว่าในด้านของการเติบโตของรายได้จะค่อนข้างน้อย ยังคงมองว่ากระแสเงินสดอิสระจะขยายตัวขึ้นในปี 2565 จากค่าใช้จ่ายใบอนุญาต 5G ที่ต่ำลง

ด้าน THCOM มีความเห็นเช่นเดียวกับทางฝ่ายคณะบริหารที่มองว่ากำไรของ THCOM ใกล้ที่จะ turnaround แล้ว โดยเฉพาะหากได้งานขายส่งขายต่อ และการบริหารงานด้านวิศวกรรมจาก NT เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินงานไทยคม 4 และ ไทยคม 6 หลังการสิ้นสุดสัมปทานในวันที่ 10 ก.ย. และเชื่อว่า THCOM จะได้ใบอนุญาตการใช้วงโคจรดาวเทียมตำแหน่ง 119.5 องศาตะวันออกจากการประมูลในวันที่ 28 ส.ค.2564

อย่างไรก็ตามยังคงไม่แน่ใจกับรายได้ และกระแสเงินสดจากการดําเนินงานจากการต่อสัมปทาน ไทยคม 4 และการใช้วงโคจรดาวเทียมตำแหน่ง 119.5 องศาตะวันออก นอกจากนั้นแล้วคดีความระหว่างบริษัทกับ NBTC เรื่องการถือสิทธิใน ไทยคม 7 และ 8 ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล

ด้าน INTUCH มีมุมมองเชิงบวกต่อ YDM และ Shopback ที่มีโอกาสสูงที่จะเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับสาธารณะชน (IPO) ส่วน Ninjavan ก็มีโอกาสที่จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นจากการระดมทุนครั้งถัดไป

ขณะเดียวกัน ทาง INTUCH เล็งปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนไปยังธุรกิจร่วมทุน (Venture Capital Fund) และ การลงทุนร่วมสร้างธุรกิจ (Venture Builder) เพื่อสร้างผลตอบแทน และให้สิทธิในการควบคุมกิจการที่ดีกว่า

ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงบอร์ด ทาง INTUCH ไม่ได้พูดถึง GULF แต่ระบุว่ามีบอร์ดสองคนเป็นชาวสิงคโปร์ สามคนในส่วนของฝ่ายบริหาร และอีกห้าคนเป็นกรรมการอิสระ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงก็จะต้องได้รับการเห็นด้วยจากผู้ถือหุ้น

นอกจากนั้นแล้วทางบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาผลดี และผลเสียทั้งในระยะสั้น และระยะยาวของการไขก๊อกนำทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานมาใช้ โดยยังคงประมานการกำไรปี 2564-2566 ไว้ตามเดิม รวมทั้งยืนราคาเป้าหมายปี 2565 ไว้ที่ 67.69 บาท พร้อมให้คำแนะนำ “ซื้อ”

อย่างไรก็ตามยังคงมองว่า ADVANC มีความน่าสนใจมากกว่า โดยมองจากผลตอบแทนทั้งหมดของหุ้นที่ลงทุน (TSR) ที่ 22.4% (จาก 18.1% Capital Gain และ Dividend yield 4.3%) ในขณะที่ INTUCH มีผลตอบแทนทั้งหมดที่ลงทุน (TSR) ที่ 11.6% (จาก 7.4% Capital Gain และ Dividend yield 4.2%)

Back to top button