MINT บวก 3% โบรกฯมอง Q3 ฟื้นตัวแกร่ง โรงแรมยุโรป-มัลดีฟส์หนุน ชูเป้า 38.50 บ.

MINT บวก 3% โบรกฯแนะ “ซื้อ” เป้า 38.50 บ. คาด Q3 ฟื้นตัวแกร่งกว่ากลุ่มและยังเป็นหุ้นเด่น รับโรงแรมยุโรป-มัลดีฟส์หนุน อีกทั้งความเสี่ยงทางการเงินอยู่ในระดับบริหารจัดการได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (19 ส.ค.2564) ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ณ เวลา 15.10 น. อยู่ที่ระดับ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 3.17% โดยทำจุดสูงสุดที่ 32.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 31.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 518.87 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ส.ค.2564) โดย RevPar รายเดือนของพอร์ตโรงแรมทั้งหมดกลับมาอยู่ที่ระดับ 50% ของช่วงก่อน COVID-19 ระบาดแล้วในเดือนกรกฎาคม 2564 (จาก 24% ในไตรมาส 2/2564 สำหรับในระยะต่อไปทางฝ่ายวิจัยคาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมของ MINT จะฟื้นตัวแกร่งในไตรมาส 3/2564 นำโดยกิจการโรงแรมในยุโรปซึ่ง Occupancy ได้แตะระดับสูงถึง 60% ในเดือนสิงหาคม 2564 (จากเพียง 23% ในไตรมาส 2/2564) และพอร์ตโรงแรมในยุโรปถึงจุดคุ้มทุนในระดับกำไรสุทธิแล้ว ในขณะเดียวกัน RevPar ของโรงแรมในมัลดีฟส์ก็กลับมาอยู่ระดับเดียวกับก่อน COVID-19 ระบาดแล้วในเดือนกรกฎาคม 2564

ทั้งนี้การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) รวมในเดือนกรกฎาคม 2564 ลดลง 7.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อนในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้ง SSSG เอาไว้คือกิจการในประเทศไทย (คิดเป็นประมาณ 65% ของรายได้รวมจากธุรกิจอาหาร) ซึ่งผลกระทบด้านลบจากธุรกิจในไทยยังมีน้ำหนักมากกว่าการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของกิจการในจีนและออสเตรเลีย

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยคาดความเสี่ยงทางการเงินของ MINT จะยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้เนื่องจากมีการขยายกำหนดเวลาทดสอบ Debt Covenant ไปจนถึงสิ้นปี 2565 แล้ว อีกทั้งผลการดำเนินงานโดยรวมน่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2565 และการใช้สิทธิ์แปลง MINT-W7 ถึง MINT-W9 จะช่วยให้พื้นฐานทุนเพิ่มขึ้นอีก 1.50 หมื่นล้านบาทในปี 2566 – 2567

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้นอีก 24% และปี 2565 ขึ้นอีก 2% โดยได้ปรับสมมติฐานสำคัญสำหรับปี 2564 ดังนี้ (1) ปรับเพิ่ม RevPar ขึ้นอีก 25% เนื่องจากคาดว่า Occupancy จะอยู่ที่ 35% ในปี 2564 (จากสมมติฐานเดิมที่ 28%) (2) ปรับลด SSSG เหลือลดลง 4% (จากเดิมลดลง 2%) และ (3) ปรับเพิ่ม EBIT Margin ปี 2564 ขึ้นอีก 6.8ppts เนื่องจากมีการประหยัดต่อขนาดเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน MINT ยังเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงแรม โดยทางฝ่ายวิจัยคาดบริษัทฯจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าหุ้นอื่นในกลุ่มเนื่องจากสถานการณ์ยุโรป (ประมาณ 70% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรมของ MINT ) และมัลดีฟส์ (2% ของรายได้รวมจากธุรกิจโรงแรม) ฟื้นตัวเร็ว ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” MINT โดยประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 38.50 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2565 ที่ 17.00 เท่า ปี 2565 เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว +0.25 S.D.

 

Back to top button