MAJOR บวก 4% โบรกฯมอง Q4 ฟื้นตัว ปักธงพลิกกำไรปีหน้า แนะ “ซื้อ” เป้า 28 บ.

MAJOR บวก 4% โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูเป้า 28 บ. มองไตรมาส 4/64 ฟื้นตัว คาดว่าภาครัฐมีการทยอยผ่อนล็อกดาวน์สำหรับโรงหนังหากผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทมีหนังรอฉายจำนวนมาก อีกทั้งมีการปรับโครงสร้างและลดต้นทุน อย่างไรก็ดียังคาดปี 2565 พลิกมีกำไร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (21 ก.ย. 2564) ราคาหุ้น บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ณ เวลา 10.48 น. อยู่ที่ระดับ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 3.72% โดยทำจุดสูงสุดที่ 22.60 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 21.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 173.78 ล้านบาท

บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ก.ย. 2564) ว่าจากการที่ภาครัฐมีการทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทางฝ่ายวิจัยคาดว่ามีโอกาสที่โรงหนังจะกลับมาเปิดได้ส่วนหนึ่งในไตรมาส 4/2564 ทั้งนี้ทาง MAJOR มีการเตรียมหนังเข้าฉายทั้งหนังฮอลลิวูดที่ฉายในต่างประเทศไปก่อนหน้านี้แล้วหลังจากการเปิดเมืองในอเมริกา เช่น Fast and Furious 9, The Suicide Squad 2, Black Widow, Jungle Cruise และ Chang-Chi and the Legend of the Ten Rings อีกทั้งยังมีหนังใหม่ที่จะเข้าฉายพร้อม หรือใกล้เคียงกับต่างประเทศ เช่น No Time to Die, Dune, Venom 2, Eternals และ Spider-Man 3 นอกจากนั้นคาดว่าจะมีหนังไทยเข้าฉาย เช่น ร่างทรง (ของค่าย GDH)

ขณะเดียวกันทางฝ่ายวิจัยประเมินต่อ MAJOR โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2564 จะขาดทุนมากกว่าไตรมาส 2/2564 เล็กน้อย เนื่องจากการปิดโรงหนังทั้งไตรมาส และส่วนแบ่งกำไรจาก SF ลดลง เนื่องจากการขายหุ้นทั้งหมดที่ถือใน SF 30% เมื่อปลายเดือน ส.ค. ทำให้ MAJOR จะไม่ได้ส่วนแบ่งกำไรจาก SF ที่เคยได้รับ 500 – 600 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นไป

อย่างไรก็ดีการขายหุ้นทำให้ MAJOR ได้รับเงินสุทธิ 7 พันล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้เพื่อ (1) บริหารกระแสเงินสด (2) ชำระคืนหนี้ซึ่งคาดว่าจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 150 ล้านบาทต่อปี และ (3) จ่ายเป็นเงินปันผล ซึ่งทางฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทอาจจ่ายเงินปันผลพิเศษ 1 บาทต่อหุ้น นอกจากนั้น MAJOR จะบันทึกกำไรจากขายหุ้น SF หลังหักภาษี 2.82 พันล้านบาท (3.16 บาทต่อหุ้น) ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ของ MAJOR กลายเป็นกำไรสุทธิมากกว่า 2 พันล้านบาท

ทั้งนี้หากมีการเปิดเมืองได้มากขึ้น ผลประกอบการของ MAJOR จะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในปี 2565 โดยมีหนังฮอลลิวูดฟอร์มใหญ่เข้าฉายจำนวนมาก เช่น Avatar 2, Jurassic World: Dominion, Black Panther 2, The Marvels, Thor, Aquaman 2, The Flash: Flashpoint และ Transformer 7 อีกทั้งมีหนังไทยหลายเรื่องที่ไม่ได้ฉายในปีนี้ เช่น บุพเพสันนิวาส 2 และ พี่นาค 3 เป็นต้น ขณะที่ในด้านต้นทุนและค่าใช้จ่าย บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างและลดต้นทุนไปแล้วในช่วงล็อกดาวน์ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท

 

 

Back to top button