3 หุ้นถ่านหินดีดแรง รับดีมานด์จีนพุ่ง หลังรัฐคุมปล่อยมลพิษ

3 หุ้นถ่านหินดีดแรง ตามดัชนี NCF อยู่ที่ 218 จุด และดีมานด์จีนพุ่ง หลังรัฐบาลออกมาตรการเข้มงวดในการลดการปล่อยมลพิษ รวมทั้งความต้องการที่สูงขึ้นในภาคการผลิต จึงส่งผลให้ราคาถ่านหินพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (1 ต.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 13.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 5.65% โดยทำจุดสูงสุดที่ 13.20 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 12.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.86 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันราคาหุ้นบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 7.92% โดยทำจุดสูงสุดที่ 27.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 26.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 284.91 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 3.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 6.45% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.34 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 137.87 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้นกลุ่มถ่านหินปรับตัวขึ้นร้อนแรง ซึ่งเป็นไปในทิศทางดัชนี NCF อยู่ที่ 218.00 จุด เพราะถือว่ามีความเป็นไปได้จากประเด็น ตามที่ทาง นายหยาง ชิน-หลง ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันเปิดเผยในวันนี้ว่า ไต้หวันอาจจะได้ประโยชน์จากการที่หลายประเทศหันมาสั่งซื้อสินค้าจากไต้หวัน หากนโยบายควบคุมพลังงานในจีนส่งผลกระทบต่อการส่งออกของจีน

ด้านจีนซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกกำลังเผชิญกับมาตรการลดการใช้พลังงานและการปันส่วนการใช้ไฟฟ้า หลังจากเกิดปัญหาปริมาณถ่านหินไม่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับการที่รัฐบาลออกมาตรการเข้มงวดในการลดการปล่อยมลพิษ รวมทั้งความต้องการที่สูงขึ้นในภาคการผลิต ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ราคาถ่านหินซึ่งเป็นแหล่งพลังงานใหญ่ที่สุดในการผลิตไฟฟ้าของจีนนั้น พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ขณะเดียวกันนายหยางได้แถลงต่อรัฐสภาไต้หวันว่า หากวิกฤตพลังงานส่งผลให้การส่งออกของจีนย่ำแย่ลง ประเทศต่างๆ ก็อาจเปลี่ยนมาสั่งซื้อสินค้าจากไต้หวันแทน ซึ่งหมายความว่ากลุ่มผู้ผลิตอาจย้ายฐานการผลิตมายังไต้หวันด้วย

ทั้งนี้ธนาคารกลางไต้หวันกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าในจีนจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินมากเพียงใดที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจไต้หวันซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกและเทคโนโลยีเป็นหลักนั้น ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากความต้องการอุปกรณ์เช่นแล็บท็อปและแท็บเล็ตสำหรับการเรียนและการทำงานจากที่บ้านเพิ่มขึ้นทั่วโลกในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด

ส่วนในการแถลงต่อรัฐสภาวันนี้ นายหยางคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไต้หวันจะขยายตัวราว 6% ในปีนี้ โดยจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การค้าและการอุปโภคบริโภคภายในประเทศในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

Back to top button