หุ้นไฟฟ้าช็อต! พากันร่วง “แพนิค” พิษ GPSC กำไรต่ำคาด-กังวลต้นทุนเชื้อเพลิงฉุด

หุ้นไฟฟ้าช็อต! พากันร่วง “แพนิค” พิษ GPSC กำไรต่ำคาด-กังวลต้นทุนเชื้อเพลิงฉุด GUNKUL นำทีมร่วงหนัก 12%


ผู้สื่อข่าวราบงานว่า หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอ่อนตัวลงแรงถ้วนหน้าวันนี้(8 พ.ย. 2564) นำโดยหุ้นบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL  ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 4.74 บาท ลบ 0.66 บาทหรือลดลง 12.22%  มูลค่าซื้อขาย 4.78 พันล้านบาท

ด้านบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้อยู่ที่  76.00 บาท ลบ 2.50 บาทหรือลดลง 3.18%  มูลค่าซื้อขาย 3.32 พันล้านบาท

ส่วนหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 64.75 บาท ลบ 1.50 บาทหรือลดลง 2.26%  มูลค่าซื้อขาย 769 ล้านบาท

ขณะที่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ  GULF ราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 41.75 บาท ลบ 1.00 บาทหรือลดลง 2.34%  มูลค่าซื้อขาย 2.25 พันล้านบาท

ส่วนบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 175.00 บาท ลบ 1.50 บาทหรือลดลง 0.85%  มูลค่าซื้อขาย 285.56 ล้านบาท

โดยโบรกคาดราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลงกันทั่วหน้า คาดว่าจะเป็นแรงขายทำกำไรหลังจากที่ปรับขึ้นไปพอควรแล้ว และผลการดำเนินงานของ GPSC ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้หุ้นตัวอื่นในกลุ่มโรงไฟฟ้าเผชิญแรงขายไปด้วย รวมถึงได้รับแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น

สำหรับ GPSC และบริษัทย่อย ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,875 ล้านบาท ลดลง 27% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,574 ล้านบาท และลดลง 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนอยู่ที่ 2,302 ล้านบาท

ด้านหุ้น GUNKUL ปรับตัวลงนำตลาดฯหลังจากที่ราคาหุ้นปรับขึ้นไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ และผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/64 ก็มองว่าไม่น่าจะมีอะไร Surprise

บล.โนมูระ พัฒนสินระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค.64) ว่า GUNKUL คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2564 ที่ 612 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 211% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 19% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) และกำไรสุทธิที่ 652 ล้านบาท (ลดลง 35% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,โต 25% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) โดยกำไรปกติโตแรง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากลมที่กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็น high season

โดยคาดกำไรปกติปี 2564 โตสูง 54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2,202 ล้านบาท จากลมที่ฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ และการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้า solar farm ที่เวียดนาม 100 MW (ซื้อในไตรมาส 4/2564) ด้านธุรกิจกัญชงบริษัทกำลังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตเพาะปลูก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มปลูกได้ในเดือน พ.ย. และเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งแรกปี 2564 รวมถึงมีการเข้าไปลงทุน (ถือ 50%) ในบริษัท THCG ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจกัญชง-กัญชาให้ครบวงจรและรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้ได้เร็วขึ้น หนุนกำไรปี 2565 โตสูง 30%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 2,855 ล้านบาท

ด้าน Valuation: ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายบน PER ปี 65 ที่ 17 เท่า และมีดิวิเดนท์ยีลด์ 2-3% ต่อปี แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 6 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/2564 เด่นจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่กลับมาดี และคาดธุรกิจกัญชงเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้ และมีโอกาสสูงในการคว้าโครงการ solar ใหม่ๆ ในเวียดนาม

Back to top button