SVT พุ่ง 6% รับเป้ารายได้ปี 65 โต 25% รุกขยายเวนดิ้ง แมชชีน-ธุรกิจแฟรนไชส์

SVT วิ่ง 6% รับเป้ารายได้ปี 65 โต 25% ด้วยแผนรุกขายธุรกิจแฟรนไชส์ และเดินหน้าขยายเวนดิ้ง แมชชีนเพิ่มจำนวน 17,000 เครื่อง จากเดิมในปี 2564 ที่มีจำนวน 14,600 เครื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (23 พ.ย. 64) ราคาหุ้นของบริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT โดย ณ เวลา 12:32 น. อยู่ที่ระดับ 5.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 5.50% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.85 บาท และต่ำสุดที่ 5.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 169.41 ล้านบาท

นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT ผู้นำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (เวนดิ้ง แมชชีน :Vending Machine) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNVENDING”  เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจใน2565 หลังจากที่บริษัทฯได้เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ว่า บริษัทฯวางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวไปลงทุนใน 2 ส่วนหลัก คือ  1.ใช้ในการจัดหาเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพื่อขยายการติดตั้งให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ 2.พัฒนาระบบและจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบสมาร์ท

ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทฯมีแผนขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพิ่มเป็น 17,000 เครื่อง หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 เครื่อง จากเดิมในปี 2564 มีจำนวนเครื่องทั้งหมด 14,600  เครื่อง พร้อมปรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบธรรมดาให้เป็นแบบสมาร์ทเพิ่มเป็น 7,500 เครื่อง

ทางด้านการขยายจำนวนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในปี 2565 จะเริ่มขยายตั้งแต่ต้นปี เริ่มที่จังหวัดลำพูนเป็นแห่งแรก เจาะกลุ่มเป็นหมายที่เป็นภาคอุตสาหกรรม และจังหวัดอุดรธานี เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโรงงาน ส่วนภาคใต้ จะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2566

ในส่วนของการทำระบบแฟรนไชส์ คาดว่าจะเริ่มเปิดโมเดล หรือสาขาต้นแบบก่อน ภายในสิ้นปี 2564 เบื้องต้นมีลูกค้าสนใจทำระบบแฟรนไชส์แล้วจำนวน 1-2 ราย โดยเป็นโครงการนำร่องก่อนที่จะมีการขยายธุรกิจแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการในปี2565

สำหรับเป้าหมายหลังจากที่รุกทำตลาดอย่างต่อเนื่องในปี 2565 บริษัทฯวางเป้าจะมีรายได้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 25% โดยมีปัจจัยบวกสนับสนุนการเติบโต คือ ความเชื่อมั่นเรื่องวัคซีน รวมถึงการเดินหน้าขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ครอบคลุมมากขึ้น และการเปิดธุรกิจใหม่ อย่าง แเฟรนไชส์, ระบบเช่า, โฆษณาในเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และการรุกขายตู้มากขึ้น ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจ้าของสินค้า หรือผู้ผลิตสินค้าเอง, กลุ่มค้าปลีก-ค้าส่ง และลูกค้ารายย่อย อาทิ โรงแรม, โรงเรียน, โรงพยาบาล เป็นต้น

Back to top button