สบช่องซื้อ KCE-HANA หลังรูดหนัก! โบรกฯ ชี้พื้นฐานยังแกร่ง กำไรปี 64-65 โตต่อเนื่อง

สบช่องซื้อ KCE-HANA หลังรูดหนัก! โบรกฯ คาดนักลงทุนขายทำกำไร ตาม Sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีการทำ Sector Rotation จากหุ้นกลุ่ม Growth ไปสู่กลุ่ม Value ชี้พื้นฐานยังแกร่ง กำไรปี 64-65 โตต่อเนื่อง เคาะเป้า KCE ที่ 108 บ. ส่วน HANA ให้เป้า 102 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 11:59 น. ราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE อยู่ที่ 84.25 บาท ลบ 4.25 บาท หรือ 4.80% สูงสุดที่ 86.25 บาท ต่ำสุดที่ 84 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.65 พันล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA อยู่ที่ 82.25 บาท ลบ 4.25 บาท หรือ 4.91% สูงสุดที่ 84.50 บาท ต่ำสุดที่ 82.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 602.28 ล้านบาท

ทั้งนี้นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลง รับแรงเทขายทำกำไรตาม Sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีการทำ Sector Rotation จากหุ้นกลุ่ม Growth ไปสู่กลุ่ม Value ต่อเนื่อง แต่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานการปรับตัวลงมารอบนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยแนะนำ “ซื้อ” KCE ให้ราคาเป้าหมายที่ 108 บาท

ส่วนบล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ม.ค.2565) คงประมาณการกำไรสุทธิ KCE ปี 2564 อยู่ที่ 2,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% เมื่อเทียบจากปีก่อน และกำไรปี 2565 อยู่ที่ 3,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากประมาณการรายได้สกุล USD ปี 2564 ที่ 450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และปี 2565 อยู่ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และประเมิน gross margin ปี 2564/2565 แบบ conservative อยู่ที่ 28%/30% โดยปี 2565 มี upside จาก product mix เนื่องจากโรงงานที่จะสร้างในปี 2565 จะเน้นสินค้า high margin เป็นหลัก

อีกทั้งคงราคาเป้าหมายอยู่ที่ 105 บาท อิง PER ปี 2565 ที่ 35 เท่า โดยองว่า PE ที่ 35 เท่าเหมาะสมเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทยังอยู่ในช่วง เติบโตระดับสูงสอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมโลก โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต CAGR (2563-2566) อยู่ที่ 59% 2) ค่าเฉลี่ย PE ของ Global peer ในกลุ่มอุตสาหกรรม semiconductor อยู่ ที่ 31 เท่า ซึ่งเรามองว่า KCE ควรเทรด premium กว่าเล็กน้อยจากการแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่า ค่าเฉลี่ย และ 3)ธุรกิจของบริษัทอยู่ในเทรนด์การเติบโตของรถยนต์คือ EV car และ Autonomous car

ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ธ.ค.2564) ประเมินเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ HANA ที่ 102 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2564 จะกลับมาขยายตัว 5-10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จาก 1) คำสั่งซื้อยังอยู่ในระดับสูงทั้งกลุ่ม Auto, Mobile และยาวไปจนถึงครึ่งแรกปี 2565, 2) ปัญหาขาดแคลนชิปไม่รุนแรงขึ้น และ 3) การกลับมาดำเนินงานได้เต็มที่ในทุกหน่วยผลิต หนุนกำไรปี 2564 เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบจากปีก่อน และในปี 2565  เติบโต 19% เมื่อเทียบจากปีก่อน

Back to top button