LEO บวกแรง 5% “ออลไทม์ไฮต่อ” โบรกฯอัพกำไรปี 64-65 พ่วงเป้าใหม่ 19 บ.

LEO บวกแรง 5% “ออลไทม์ไฮต่อ” โบรกฯอัพกำไรปี 64-65 โตเด่น พ่วงเป้าใหม่ 19 บ. รับขนส่งสินค้าแรลลี่ยาวถึงไตรมาส 3/65


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (14 ม.ค.2565) ราคาหุ้นบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ณ เวลา 15:22 น. อยู่ที่ระดับ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 5.36% โดยทำจุดสูงสุดที่ 17.70 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 16.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 167.37 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯเมื่อวันที่ 2 พ.ย.63

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ม.ค.65) ว่า ทางฝ่ายวิจัยประเมินสถานการณ์การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจะยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ อย่างน้อยจนถึงช่วง High season ในไตรมาส 3/2565 จากแนวโน้มเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เริ่มฟื้นตัวในปีนี้ หลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งคาดจะยังมีการนำเข้าสินค้าอีกระลอกเพื่องรองรับ Demand ที่ฟื้นตัวขึ้นมา หลังจากที่มีการ Re-stock สินค้ารอบใหญ่ไปใน 1 – 2 ปีที่ผ่านมา โดยพิจารณาได้จากอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ (Shanghai Containerized Freight index) ที่ยังปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในไตรมาส 4/2564 แม้จะเป็น Low season ก็ตาม และทางฝ่ายวิจัยคาดว่าอัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์จะยังทรงตัวสูงต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจาก Demand ที่ยังสูงขณะที่อุปทานใหม่จำกัด (ทั้งเรือและตู้)

นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์รถไฟ จีน – ลาวผ่านความร่วมมือกับ China post โดยรถไฟจีน – ลาว (คุนหมิง – เวียงจันทน์ ) ที่เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันปริมาณการขนส่งระหว่างไทย – จีน โดยมีลาวเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาค เนื่องจากระยะเวลาการขนส่งสินค้าจะลดลงอย่างมาก เหลือเพียงราว 15 ชั่วโมง (จากเดิมการขนส่งทางรถยนต์ใช้ระยะเวลาราว 2 วัน)

อีกทั้งทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าการที่ LEO เป็นพันธมิตรกับทาง China Post Yunnan (China Post) จะเป็น Catalyst สำคัญที่ทำให้ LEO ได้ส่วนแบ่งการบริหารจัดการขนส่งสินค้าโครงการรถไฟจีน – ลาว (คุนหมิง – เวียงจันทน์) ซึ่งทางฝ่ายวิจัยตั้งสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยมให้ LEO ได้บริการจัดการขนส่งราว 3 พันตู้สินค้าต่อปี (คาดปริมาณตู้ที่บริหารจัดการเพิ่มขึ้นปีละ 10%) ค่าขนส่งเฉลี่ย 1 แสนบาทต่อตู้ กำหนดสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 6.50% จะได้ว่ารายได้และกำไรส่วนเพิ่มจากโครงการในปี 2565 เท่ากับ 300 ล้านบาท และ 19.50 ล้านบาท ตามลำดับ

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยปรับประมาณการฯปี 2564 ขึ้น 14.80% เป็น 174 ล้านบาท ส่วนปี 2565 ขึ้น 21.80% เป็น 221 ล้านบาท โดยเป็นการปรับปรุงสมมติฐานปริมาณขนส่งสินคาทั้งผ่านทาง Sea freight และ Air freight หลังจากที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2564 ดีกว่าคาด โดยเฉพาะค่าบริหารจัดการการขนส่งสินค้าทางเรือ และปริมาณการขนส่งทางอากาศ อย่างไรก็ดีผลจากค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากแม้จะทำให้รายได้ของ LEO เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง โดยทางฝ่ายวิจัยคาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564 เท่ากับ 19.30% ส่วนปี 2565 เท่ากับ 18.70% ลดลงจาก 29.30% ในปี 2563 แต่ทางฝ่ายวิจัยยังคงประเมินผลสุทธิของปริมาณขนส่งและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นยังเป็นบวกต่อกำไรสุทธิของ LEO

ขณะที่ประมาณการฯปี 2565 แม้ว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศคาดว่าจะเริ่มชะลอตัวลง (ฐานสูงในปี 2564) คาดผลการดำเนินงานของ LEO จะได้แรงส่งจากการรับรู้รายได้การบริหารการขนส่งกับพันธมิตร China Post แบบเต็มปี และมีรายได้ส่วนเพิ่มจากโครงการรถไฟจีน – ลาว

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยแนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าพื้นฐาน 19.00 บาท (จากเดิม 15.10 บาท) ซึ่งราคาเป้าหมายดังกล่าวจะคิดเป็น Forward PE ปี 2565 = 27.60 เท่า นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยยังไม่รวม Upside จากดีล M&A ที่คาดจะมีความชดเจนภายในไตรมาส 1/2565

Back to top button