TPLAS เด้ง 12% เก็งรับปันผล 0.10 บ. ลุ้นรายได้ปี 65 โต 10% ดีมานด์บรรจุภัณฑ์เพิ่ม

TPLAS เด้ง 12% เก็งรับปันผล 0.10 บ. กำหนด 6 พ.ค. 65 ลุ้นรายได้ปี 65 โต 10% ตามดีมานด์บรรจุภัณฑ์เพิ่มจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป-จ่อ-แตกไลน์ธุรกิจใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (25 ก.พ. 2565) ราคาหุ้นบริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS ณ เวลา 12:11 น. อยู่ที่ระดับ 3.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ 11.97% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.38 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 2.94 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55.13 ล้านบาท

นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ รองกรรมการผู้จัดการ TPLAS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 33.91 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 511.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.85% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 473.88 ล้านบาท

โดยปัจจัยที่สนับสนุนผลประกอบการ เนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงและการใช้บริการเดลิเวอรี่คึกคักส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทฯ มีประสิทธิภาพควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ตลอดจนได้มีการผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภท จาน ถ้วย และถาด เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และมีผลตอบรับที่ดีมากขึ้น

ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท  โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 21 เม.ย. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พ.ค. 2565 ทั้งนี้สิทธิในการได้รับเงินปันผลดังกล่าว ยังมีความไม่แน่นอนจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565

สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ยังมีทิศทางการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตในปีนี้ จะมาจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารยังคงได้รับอานิสงส์จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

“บริษัทฯ จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง โดยจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระดาษ ซึ่งมีการเพิ่มเติมรูปแบบ เช่น ถาดใส่ขนมหวาน ถ้วยไซส์อื่นๆ เป็นการเพิ่มไซส์ให้มีความหลากหลายต่อการนำไปใช้งานได้มากขึ้น โดยจะทยอยออกมา และคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี รวมทั้งจะมีการพัฒนาระบบรับคำสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มาใช้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าช่วยสนับสนุนยอดขายให้เติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อน” นายอภิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้กลยุทธ์ที่สำคัญจะยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับสูงและมีความมั่นคง โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่มีความผันผวนด้านราคาสูงตามราคาตลาดโลก ทั้งน้ำมัน และเม็ดพลาสติก ซึ่งปีที่ผ่านมาก็สามารถควบคุมได้ดี รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณเครื่องจักรใหม่ แต่ต้องพิจารณาสถานการณ์และความเหมาะสมอีกครั้ง

Back to top button