JTS แรลลี่ 5 วันพุ่ง 29% นลท.เข้าเก็งกำไร คาดดีมานด์บิทคอยน์สูง-จำนวนเครื่องขุดเพิ่ม  

JTS แรลลี่ 5 วันพุ่ง 29% นลท.เข้าเก็งกำไร คาดดีมานด์บิทคอยน์สูงหลังคว่ำบาตรรัฐเซีย ทำให้ใช้เงินรูเบิลไม่ได้-ผลงานดีจำนวนเครื่องขุดเพิ่ม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (25 มี.ค. 2565) ราคาหุ้น บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ณ เวลา 12:34 น. อยู่ที่ระดับ 367 บาท เพิ่มขึ้น 26 บาท หรือ 7.62% โดยทำจุดสูงสุดที่ 374 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 345 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 945.63 ล้านบาท

จากข้อมูลราคาหุ้นบนกระดานของ JTS ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อเป็นเวลา 5 วันทำการแล้ว โดยนับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 285 บาท เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2565 คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 82 บาท หรือคิดเป็น 28.77% เมื่อเทียบกับราคาล่าสุด

ด้าน นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น JTS ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน จากความคาดหวังว่าคนจะหันมาใช้บิทคอยน์กันมากขึ้นหลังจากที่มีการคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้ใช้เงินรูเบิลไม่ได้ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดการเล่นเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มขุดเหมือง-คริปโตนั่นเอง

สำหรับราคาบิทคอยน์วันนี้ก็เคลื่อนไหวแถว 44,000 เหรียญฯ แต่ก็เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่อยู่แถว 38,000 เหรียญฯ ซึ่งก็ยังถือว่าไม่ได้ขึ้นแรงหากเทียบวันต่อวัน อีกอย่างนักลงทุนอาจมีความคาดหวังผลงานของ JTS จะดีขึ้นหลังจากที่มีเครื่องขุดมากขึ้น

โดย ณ สิ้นปี 2564 ทาง JTS มีจำนวนเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ติดตั้งแล้วเสร็จจำนวน 315 เครื่อง ส่วนจำนวนเครื่องขุดบิทคอยน์ที่เหลือจะทยอยส่งมอบในปี 2565

หลังจากบริษัทมีแผนการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ในปี 2565 จะทำให้จำนวนเครื่องขุดของบริษัทรวมอยู่ที่ 8,100 เครื่อง โดยมีระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 3,300 ล้านบาท

ทั้งนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขุดบิทคอยน์เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านTerrahash/s ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์รายใหญ่สุดในประเทศไทย โดยจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว

ส่วนธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจจัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ ยังเป็นธุรกิจหลักที่ทางกลุ่มบริษัทตั้งเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นแม้นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นนิติบุคคลขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) ฯลฯ

Back to top button