กลุ่ม “เจมาร์ท” บวกยกแผง! โบรกชี้กำไรปี 65 “นิวโฮ” ลุ้น JMART เข้า SET50

กลุ่ม “เจมาร์ท” บวกยกแผง! โบรกฯมองเข้าหมวดโต-ขยายต่อแบบ Inorganic พร้อมลุ้น JMART เข้า SET50  แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 75 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 มี.ค. 2565) ณ เวลา 11:28 น. พบว่าราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทบวกยกแผง นำโดย บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART อยู่ที่ระดับ 58.50 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.46% โดยทำจุดสูงสุดที่ 59.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 56.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 851.40 ล้านบาท

เช่นเดียวกับราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT อยู่ที่ระดับ 73.00 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 5.04% โดยทำจุดสูงสุดที่ 74.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 70.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.18 พันล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER อยู่ที่ระดับ 54.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.34% โดยทำจุดสูงสุดที่ 55.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 53.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 362.09 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J อยู่ที่ระดับ 4.48 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4.19% โดยทำจุดสูงสุดที่ 4.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.34 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.53 ล้านบาท

บล.เมย์แบงก์ ระบุในบทวิเคราะห์ประเมินในกลุ่มเจมาร์ทดังต่อไปนี้ สำหรับ JMART แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 75 บาท โดยผลประกอบการปี 2565 ทบต้นจาก JMT-SINGER ทำกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้น 66% และเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีสัดส่วน 72% บนฐานกำไร ทว่าบริษัทอื่นๆ ก็เริ่มมีสัญญาณบวกทั้ง Mobile-KBJ ที่กลับมาเข้าสู่โหมดเติบโตอีกครั้งหลังปรับโครงสร้าง

อีกทั้งเชื่อว่าตลาดใน 6 เดือนข้างหน้า จะเริ่มให้ premium บน valuation JMART เนื่องจากเป็นหัวหอกที่จะสร้าง Synergy & Growth ใน Ecosystem จากพันธมิตรนอกเครือเพิ่มในปีนี้ สะท้อนวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่จะสร้าง Tech Investment Holding Co. (T-IHC) รองรับการเติบโตปีละ 50% ใน 3 ปีจากนี้

นอกจากนี้ในระยะสั้นราคาหุ้นจะได้แรงหนุนจากโอกาสที่จะถูกเข้าคำนวณดัชนี SET50 ช่วงกลางปี ทว่าในระยะยาวให้น้ำหนักต่อผลงอกเงยจากบริษัทในเครือจะเป็นแรงหนุนของการเติบโตกำไรปกติในปี 2565 อยู่ที่ 2,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 อยู่ที่ 2,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือเฉลี่ย (CAGR)  42% ต่อปี ใน 3 ปีข้างหน้า

ต่อมาส่วนของ JMT คงคาแนะนำ “ซื้อ” บนราคาเหมาะสม 103 บาท โดยแนวโน้มกำไรยังเป็นลักษณะใกล้เคียงกับในอดีต โดยงวดไตรมาส 1/2565 อาจอ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาล ทว่ายังรักษาอัตราเติบโตสูงเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนไว้ได้ ก่อนที่จะขยายตัวจากไตรมาสก่อน ในช่วงที่เหลือของปี ที่ สำคัญกว่านั้นในครึ่งแรกของปี 2565

ทั้งนี้คาดให้น้ำหนักพัฒนาการของการร่วมทุน-รับรู้รายได้ใน JV กับธนาคาร พาณิชย์ (KBANK) ที่กำลังเกิดขึ้นใน 2-3 เดือนข้างหน้า การเข้าซื้อที่ชิงความได้เปรียบในการ แข่งขัน และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) 43% ใน 2 ปีข้างหน้า และยังคงเลือก JMT เป็น Top pick สำหรับกลุ่ม บริหารหนี้ฯ (AMC) ที่การเติบโตโดดเด่นเทียบภายในกลุ่มการเงิน

และประเมินกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 2,324 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 อยู่ที่ 3,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนทางหุ้น SINGER แนะนำ “ซื้อ”  ราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 60.50 บาท  แม้ Valuation สูงกว่ากลุ่มแต่เป็นเรื่องที่สมควร บนโมเมนตัมกำไรที่แข็งแรงกว่าค่าเฉลี่ย 2 เท่า ในครึ่งแรกของปี 2565 ทั้งธุรกิจขาย-เช่าซื้อ (HP) และจำนำทะเบียน (C4C) ที่ขยายพอร์ตสินเชื่อได้ตามเป้า ขณะมีปัจจัยเร่งในครึ่งหลังของปี 2565 จากการ spin-off เพื่อรองรับการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อจาก 1 หมื่นล้านบาท เป็น 3 หมื่นล้านบาท ใน 3 ปีข้างหน้า หนุนกำไรเฉลี่ย (CAGR) 27% ปัจจัยบวกข้างต้นจะหนุน ราคาหุ้นใน 12 เดือนข้างหน้า

พร้อมกับประเมินกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 1,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2566 อยู่ที่ 1,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดดเด่นกว่ากลุ่ม จำนำทะเบียนที่เพิ่มขึ้น 15-20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

Back to top button