CIVIL บวก 4% ลุ้นปี 65 กวาดงานใหม่ราว 1 หมื่นลบ. ดันแบ็คล็อกนิวไฮ หนุนรายได้โต 20%  

CIVIL บวก 4% ลุ้นปี 65 กวาดงานใหม่ราว 1 หมื่นลบ. ดันแบ็คล็อกนิวไฮ งานภาครัฐเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดช่วยหนุนรายได้โต 20% แตะ 6 พันลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (1 เม.ย. 2565) ราคาหุ้น บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ณ เวลา 12:21น. อยู่ที่ระดับ 5.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 3.77% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.65 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 5.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 158.81 ล้านบาท

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIVIL เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าในปี 2565 จะได้รับงานใหม่เข้ามาอย่างน้อย 6 พันล้านบาท ถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาเติมงานในมือ (Backlog) ที่ ณ สิ้นปี 64 อยู่ที่ 15,742 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐ 95% ที่เหลือเป็นงานเอกชนราว 5%

สำหรับงานที่บริษัทฯ สนใจในปีนี้ ได้แก่ งานระบบราง ซึ่งเป็นโครงการรถไฟไฮสปีด ไทย-จีน ตอน 4-5, งานถนนภาคต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ นอกจากนี้ ยังมีงานภาคเอกชนที่เข้าร่วมลงทุนภาครัฐ (PPP) อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก, งานทางด่วนกระทู้-ป่าตองใน จ.ภูเก็ต, งานมอเตอร์เวย์ สาย M6 และ M81 รวมทั้งงานนิคมอุตสาหกรรมวังจันทร์วัลเล่ย์ในพื้นที่อีอีซี

“CIVIL ยังมีความพร้อมเข้าประมูลและรับงานทั้งภาครัฐ เอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ อยู่ในช่วงการรอผลการประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2565 ซึ่งงานดังกล่าวจะสามารถเพิ่มเติมมูลค่างานในมือให้เพิ่มขึ้นเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

ส่วนในปีนี้มีงานภาครัฐที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องจำนวนมากพอสมควร และคาดว่าภาครัฐน่าจะอัดฉีดเงินลงทุนผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น จึงมั่นใจว่าปีนี้บริษัทฯ จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้ 5 พันล้านบาท คาดว่าจะเติบโตเป็น 6 พันล้านบาท หรือเติบโต 20%

ขณะที่ในแง่ของกำไรจะเติบโตตามรายได้ โดยบริษัทฯ มีความสามารถการทำกำไรได้ดีขึ้น เนื่องจากงานที่ได้รับเข้ามาส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนด ช่วยให้มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ซึ่งในปี 2564 อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นมาเป็น 10.01% จากปี 2563 อยู่ที่ 9.07% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.80% ในปี 2564 เพิ่มจากปี 2563 อยู่ที่ 2.10%

ทั้งนี้ทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส 1/2565 มีแนวโน้มที่ดีจากการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างต่างๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถประมูลงานโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยได้เซ็นสัญญาเข้ารับงานใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 228 ล้านบาท โดยเป็นงานประเภทงานก่อสร้างทางหลวง, งานก่อสร้างระบบประปา และ งานเสริมผิวแอสฟัลต์คอนกรีต อาทิ งานก่อสร้างทางหลวงชนบทเพื่อการท่องเที่ยว บ้านหาดสำราญ  ตะเสะ ตอนที่ 2, งานก่อสร้างทางหลวง 347  บางปะหัน – เจ้าปลุก ตอน 2, งานก่อสร้างทางหลวงชนบท สายอย.4055 ทางหลวง 3267-บ้านตาลเอน อ.มหาราช และ งานก่อสร้างทางหลวง 4034 ปากน้ำกระบี่-เขาทอง ตอนที่ 1 เป็นต้น ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วในไตรมาส 1/2565 และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2565

ส่วนสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นและราคาวัสดุก่อสร้างมีความผันผวนนั้น บริษัทฯ ได้ล็อกราคากับซัพพลายเออร์ไว้แล้ว รวมทั้งปรับวิธีการทำงานให้ลดระยะเวลาลง โดยนำเครื่องจักรเข้ามาช่วย รวมถึงบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานด้วยการเป็น Construction Tech Company ทำให้กำไรดีขึ้น ทำงานได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็เห็นว่าการประมูลงานในปีนี้ไม่น่าจะแข่งขันราคากันดุเดือดมากเนื่องจากสถานการณ์วัสดุก่อสร้างยังผันผวนค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ดีบริษัทฯ มองหาธุรกิจที่จะเข้ามาเป็น New S-Curve หลังบริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มีต้นทุนทางการเงินต่ำ โดยมองว่าพันธมิตรจะเป็นช่องทางที่จะหา New S-Curve เข้ามา

Back to top button