BE8 วิ่งแรง 3% โบรกมอง “บวก” ตั้ง JV “ปณท.” เคาะซื้อเป้า 70 บ.

BE8 วิ่งแรง 3% ราคาแตะ 50.25 บ. โบรกเคาะซื้อเป้า 70 บ. มอง “บวก” ตั้งบริษัทร่วมทุน “ไปรษณีย์ไทย” ลุยบริการระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร จับตารับส่วนแบ่งกำไรเพิ่ม ประเมินกำไรไตรมาส 2/65 นิวไฮต่อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ล่าสุด ณ เวลา 10:25 น. อยู่ที่ 50.25 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.08% สูงสุดที่ 50.75 บาท ต่ำสุดที่ 50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 44.37 ล้านบาท

ทั้งนี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มิ.ย.2565) ว่า BE8 บริษัท สกายไฮ, บริษัท เคลาด์ ครีเอชั่น (บริษัทลูกของ NETBAY) แจ้งตลาดฯ ร่วมลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับไปรษณีย์ไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาบริการด้านงานดิจิทัล เพื่อเปิดให้บริการ “ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร” (Total Document Handling) ซึ่งประกอบไปด้วยการรับส่งเอกสารสำคัญผ่านกล่องจดหมายดิจิทัล (Digital Mailbox) การแจ้งหนี้และรับชําระเงินผ่านระบบ e-Payment การรับรองการลงลายมือชื่อหรือการเซ็นชื่อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) และการรับรองวัน-เวลาที่ ถูกต้องให้เอกสาร (e-Timestamp) ที่ได้มาตรฐานและมีผลทางกฎหมาย โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในไตรมาส 3/2565

สำหรับการร่วมมือดังกล่าวเป็นอีกจุดต่อยอดงานกับกลุ่มไปรษณีย์ไทยและกลุ่มลูกค้ารัฐ จากก่อนหน้านี้ BE8 รับงานวางระบบ CRM ให้ไปรษณีย์ไทย มูลค่า 100 ล้านบาท รวมถึงก่อนหน้านี้มีดีล X10  ช่วยปลดล็อคข้อจำกัดด้านบุคลากร นอกจากนี้ดีลนี้มีความน่าสนใจจากการร่วมมือกันหลายบริษัท มีโอกาสช่วย scale up ให้บริษัทนี้เป็นหัวหอกในการรับงานรัฐไซส์ใหญ่ได้มากขึ้น

ทั้งนี้มองว่าจากการที่หน่วยงานภาครัฐต่างๆ เริ่มปรับตัวสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้น การให้บริการ “ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร” จะเป็นบริการใหม่ที่จะใช้อย่างแพร่หลายและเป็นตัวกลางที่สำคัญระหว่างหน่วยงานราชการกับประชาชนในยุคดิจิตอล อย่างเช่น การจัดส่งเอกสารภาษีหรือเอกสารต่างๆจากหน่วยงานราชการ หรือการทำธุรกรรมต่างๆที่มีผลทางกฎหมาย ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ระบบเอกสารที่ใช้กระดาษมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับดีลนี้มองบวกคาด BE8 จะได้ประโยชน์ทั้งจาก ส่วนแบ่งกำไรจาก JV และการเข้าไปรับงานต่อจากบริษัท JV ดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเกี่ยวกับการทำ JV ดังกล่าว และอยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากทางบริษัท

โดยในระยะสั้นคาดกําไรไตรมาส 2/2565 ทำ new high ต่อเนื่องที่ 27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 14% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และคาดกําไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบจากปีก่อน เป็น 135 ล้านบาท (รวมรายได้จาก X10 ตั้งแต่เดือน ก.ย.2565 เป็นต้นไป)

ดังนั้นคงคำแนะนํา “ซื้อ” ที่ปี 2565 ที่ 70 บาท รับกําไรเติบโตก้าวกระโดดสูง 63%CAGR ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจาก 1) การควบรวม X10 ที่เพิ่มรายได้เป็นเท่าตัว 2) ธุรกิจหลักที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการด้าน Digital transformation ในตลาด 3) การรุกตลาดภาครัฐที่ยังมีโอกาสมหาศาล 4) JV, M&A ที่ยังมีโอกาสเห็นเพิ่มเติมอีก ต่อเนื่องจากดีล  X10 และไปรษณีย์ไทย

Back to top button