EA-NEX-BYD วิ่งคึก! หลังปิดตำนาน “สาย 8” จ่อมอบบัสอีวี 800 คัน

3 หุ้นรถอีวี วิ่งคึก! จ่อส่งมอบรถบัสไฟฟ้าขั้นต่ำ 800 คัน ต.ค.นี้ พร้อมวิ่งบริการลูกค้า หลังปิดตำนาน “รถเมล์สาย 8”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 กรกฎาคม 2565) ณ เวลา 10:43 น. ราคาหุ้นกลุ่ม EA ต่างปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า นำโดย บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ราคาอยู่ที่ระดับ 80.50 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 3.21% ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 80.75 บาท ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 78.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 311.63 ล้านบาท

บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ราคาอยู่ที่ระดับ 15.70 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.97% ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 15.70 บาท ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 15.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45.77 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ราคาอยู่ที่ระดับ 12.00 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.84% ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 12.20 บาท ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 11.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76.04  ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นกลุ่ม EA-NEX-BYD ปรับตัวขึ้น เบื้องต้นระบุว่า EA เตรียมทยอยป้อนรถโดยสารไฟฟ้า (EV) เพื่อส่งมอบให้กับบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด (บริษัทย่อย EA) ขั้นต่ำ 800 คัน ภายในเดือนตุลาคม 2565 และสามารถวิ่งได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่จะต้องส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้าในปีนี้ทั้งสิ้น 1,200 คัน จากปัจจุบันที่บริษัทสมาร์ทบัสมีรถโดยสารดำเนินการอยู่ราว 300-400 คัน ซึ่งเป้าหมาย 2,000 คัน

โดยหลังจาก BYD ได้ใบอนุญาตวิ่งรถโดยสารในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลอีก 71 เส้นทาง จากการเปิดใบอนุญาต 77 เส้นทาง ขณะที่เริ่มทดลองเดินรถ 200-260 ตั๋วต่อคันต่อวัน จากเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ 240 ตั๋วต่อคันต่อวัน โดยจากที่ทำได้สูงสุด 280 ตั๋วต่อคันต่อวัน

ขณะที่ทางด้าน NEX เป็นผู้ประกอบเมื่อทางบริษัท EA เร่งส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้า (EV) ก็จะทำให้ได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามจากแผนการปฏิรูปรถโดยสารของ ขสมก. และกรมการขนส่งทางบก ประเมินแล้วพบว่า รถเมล์สาย 8 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ ไม่ได้รับเลือกให้ได้สัมปทานการเดินรถของกรมการขนส่งทางบก เนื่องจากไม่ผ่านคุณสมบัติ ในเส้นทางสัมปทานเดินรถ 77 เส้นทางของรถร่วมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และต้องเตรียมหยุดเดินรถในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ในส่วนเส้นทางสาย 8 บริษัทได้รับใบอนุญาตวิ่งอยู่แล้วถือว่าหากสาย 8 หยุดวิ่งไปก็จะได้รับอานิสงส์ในส่วนหนึ่ง ขณะที่การเดินรถบริษัทได้ใบอนุญาตเดินรถขึ้นอยู่กับขนส่ง

ขณะเดียวกันก่อนหน้าเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ได้แก่ บริษัท อี ทรานสปอร์ต โฮลดิง จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท โดยบริษัท อีเอ โมบิลิตี โฮลดิง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EA ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียน

ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวจัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินงานเกี่ยวกับธุรกิจการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร

ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย จำกัด มหาชน ระบุว่าในบทวิเคราะห์ว่า บริษัทตั้งเป้าส่งมอบรถ E-BUS ในปีนี้ที่ 1,000 – 1,500 คัน โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในช่วงปลายไตรมาส 2/2565 – ช่วงต้นไตรมาส 3/2565 โดยปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ E-BUS รอส่งมอบ 2,000 – 3,000 คัน จากคำสั่งซื้อของ Thai Smile Bus อีกทั้งบริษัทจะมีการเปิดตัว E-Truck ในช่วงปลายไตรมาส 3/2565 โดยได้เริ่มพูดคุยกับลูกค้าแล้ว ซึ่งบริษัทคาดความต้องการรถ E-Bus และ E-Truck จะสูงถึง 31,000 คัน ในปี 2568 ตามด้วย 160,000 คัน ในปี 2573 และ 430,000 คันในปี 2578

โดยทางฝ่ายคาดว่าบริษัทจะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นาในตลาดนี้ได้จากความได้เปรียบทางด้านราคาเมื่อเทียบกับบริษัทที่นาเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ เนื่องจากไม่โดนภาษีนำเข้า อีกทั้งบริษัทยังเป็นผู้นำในเทคโนโลยีด้านนี้ อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับผู้ผลิตในประเทศด้วยกัน จึงคาดว่าบริษัทยังคงสามารถเติบโตในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรม EV ในประเทศ

สำหรับกำไรปี 2565 คาดจะอยู่ที่ 7.56 พันล้านบาท ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตสูง เพิ่มขึ้น 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจาก 1) ธุรกิจไบโอดีเซล: ราคาน้ำมันไบโอดีเซลปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลยังคงดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 2) ธุรกิจไฟฟ้า: โรงไฟฟ้าพลังงานลมจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลืองของปีจากการที่ความเร็วกระแสลมมีแนวโน้มดีขึ้น 3) ธุรกิจ EV: จะมีการส่งมอบ E-BUS ในปีนี้กว่า 1000 – 1500 คัน จาก Order ของ Thai Smile Bus

อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปียังคงดีต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้และกาไรจากธุรกิจ EV เข้ามาอย่างชัดเจน อีกทั้งคาดว่าบริษัทยังคงมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากในอนาคตจากความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม EV ซึ่งเป็นหนึ่งใน Megatrend ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และจากราคาหุ้นที่ลดลงมา ทาให้ราคาปัจจุบันมี upside ค่อนข้างมาก ทางฝ่ายจึงปรับเพิ่มคาแนะนาเป็น “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 98 บาท

Back to top button