FPI บวก 3% อัพรายได้ปีนี้แตะ 2.5 พันล้าน หลังออเดอร์ไทย-อินเดียทะลัก

FPI บวก 3% อัพรายได้ปีนี้แตะ 2.5 พันล้าน หลังออเดอร์ไทย-อินเดียทะลัก เดินหน้าศึกษาตั้งโรงงานในอียิปต์-เม็กซิโก


ผู้สื่อข่างรายงานว่า วันนี้(12 ก.ย.65)บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI ณ เวลา 15:11 น. อยู่ที่ระดับ 3.88 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 3.19% ราคาสูงสุด 3.96 บาท ราคาต่ำสุด 3.78 บาท  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 53.55 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ FPI เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้จากการขายในปี 2565 เป็น 2,500 ล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 2,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้จากการขายรวม 2,137 ล้านบาท ซึ่ง 6 เดือนแรกมีรายได้จากการขายรวมแล้ว 1,240 ล้านบาท หลังคำสั่งซื้อ (Order) และคำสั่งผลิต (OEM) เข้ามาสูงต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายตลาด และคุณภาพที่ได้มาตรฐานทั่วโลก โดยเฉพาะญี่ปุ่น บวกกับประเทศจีนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และยังคงล็อกดาวน์ประเทศ ส่วนธุรกิจในประเทศอินเดียขยายตัวโดดเด่น

ขณะเดียวกันประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในระดับที่สูง จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ดังนั้นในปี 2565 กำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 329 ล้านบาท ซึ่ง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 207 ล้านบาท นอกจากนี้อัตราการเดินเครื่องจักรผลิตยังเพิ่มขึ้นในทุกไลน์ผลิต ทั้งงานฉีด งานพ่น และงานชุบ รวมไปถึงอัตราการเดินเครื่องจักรผลิตโดยรวมสูงเต็มกำลังการผลิตถึง 80%

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะยังอยู่ในระดับที่ดี และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าไตรมาส 2/2565 และในไตรมาส 4/2565 จะกลับมาเติบโตสูงอีกครั้งจากกำลังผลิตใหม่ที่เริ่มเดินเครื่องจักรผลิต และอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงกว่าในไตรมาส 3/2565 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเพิ่มเครื่องฉีดอีก 5 เครื่อง มูลค่า 35 ล้านบาท ที่กำหนดติดตั้งแล้วเสร็จในเดือน ก.ย. 2565 รวมถึงเครื่องพิมพ์ 3D ใหม่ขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 1.7 เมตร เป็น 2.7 เมตร

ส่วนธุรกิจในประเทศอินเดีย ในปี 2565 ผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ถึง 100% จากปี 2564 และกลับมาเทิร์นอะราวด์ เมื่อเทียบกับตั้งแต่ที่เข้าลงทุน 2-3 ปีที่ผ่านมามีผลขาดทุนตลอด หากสามารถส่งมอบงานได้ 30 ล้านรูปีอินเดียต่อเดือน เนื่องจากมีโปรเจกต์ผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมรถยนต์เข้ามา 879 ล้านรูปีอินเดีย หรือคิดเป็นเงินบาท 350 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง

โดยธุรกิจในประเทศอินเดียในช่วงระยะ 3 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2568) บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2566 จะมีรายได้ 200-300 ล้านบาท  ปี 2567 มีรายได้ 300-400 ล้านบาท และปี 2568 มีรายได้ 400-500 ล้านบาท

“ออเดอร์ที่เข้ามาสูงต่อเนื่อง และรองรับการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต บริษัทจึงได้ลงทุน PAINTING LINE และเครื่องฉีดใหม่ มูลค่าประมาณ 41 ล้านบาท ส่วนการขยายงานในส่วนของการผลิตรถ EV Scooter ยังคงมีต่อเนื่อง และโอกาสจากผู้ผลิตรายใหม่ ๆ ที่จะเข้าไปในอินเดียที่ต้องหาพันธมิตรที่มีโรงงาน ซึ่ง FPI มีจุดแข็งในส่วนนี้ และหากทำได้ดีอาจมีการขยายงานมาในโรงงานในไทย และนำมาขายในไทยด้วย”

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเดินทางไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อดูตลาดและศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนสร้างโรงงาน โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่ออนุมัติการลงทุน และในช่วงเดือน ต.ค. 2565 เตรียมเดินทางไปดูตลาด และศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนสร้างโรงงานในประเทศเม็กซิโก เพื่อเจาะตลาดสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ในอนาคต

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโต และมีโอกาสในการขยายธุรกิจได้อีกมากนั้น ทำให้นักลงทุนสถาบัน (กองทุน)ติดต่อเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูล หรือแผนการดำเนินงานหลายแห่ง คาดว่าในอนาคตจะมีสถาบันเข้ามาถือหุ้นอย่างน้อย 1 ราย สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ส่วนกรณีการเข้ามาตั้งโรงงานของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รายต่าง ๆ บริษัทมีความคาดหวังจะเข้าไปรับงานเข้ามาเสริมพอร์ตด้วยเช่นกัน

Back to top button