DPAINT พุ่งต่อ 4% มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส เดินหน้า M&A-JV หนุนธุรกิจโตต่อเนื่อง

DPAINT แรงต่อ 4% มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส ตั้งงบ 1 พันลบ.เดินหน้า M&A-JV หนุนธุรกิจโตต่อเนื่อง พร้อมวางเป้าผลักดันรายได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,050 ล้านบาทภายในปี 68


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ก.ย.65) ราคาหุ้น บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT ณ เวลา 11:14 น. อยู่ที่ระดับ 8.35 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 8.44% สูงสุดที่ระดับ 8.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56.14 ล้านบาท

ด้าน นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DPAINT เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาด ในตลาดสีระดับกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ โดยใช้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้สูง

นอกจากนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าส่งออกสีทาอาคารใน CLMV ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นนวัตกรรม “VAKUUM Technology” จากประเทศเยอรมนี และรุกตลาด Blue Ocean มากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม มั้งสีทาอาคารและ กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มเคมีก่อสร้าง รวมถึงขยายกลุ่มเซ็กเม้นท์พรีเมียม เพื่อสนับสนุนอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ DPAINT มีสัดส่วนสีคุณภาพพิเศษ 40% สีคุณภาพสูง 30% และสีคุณภาพคุ้มค่า 30% ของรายได้รวมจากการขายและบริการ โดยจำหน่ายผ่านช่องทางการจำหน่ายรวมกันมากกว่า 1,500 สาขา เกือบทั่วประเทศ

ได้แก่ ร้านโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) ร้านค้าปลีก (Retail) และงานโครงการ (Project) รวมทั้ง การบริการเครื่องผสมสีที่นำไปติดตั้งให้ลูกค้าที่เป็นร้านค้าใช้งาน ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ มีเครื่องผสมสีทั้งหมด 505 เครื่อง โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 600 เครื่อง ภายในสิ้นปี 2565 นี้ เพื่อเป็นการขยายช่องทางในการจัดจำหน่ายที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น และจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DPAINT เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าผลักดันรายได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,050 ล้านบาทภายในปี 68 โดยคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตแบบปกติที่ยังมีโอกาสในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายอยู่ในร้านวัสดุก่อสร้างอยู่ทั้งหมดกว่า 2,000 ร้านค้า จากที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 8,000 ร้านค้า

ขณะเดียวกันยังมีแผนเพิ่มเครื่องผสมสีเป็น 1,200 เครื่อง จาก ณ สิ้นปีนี้คาดว่าจะติดตั้งได้ทั้งหมด 600 เครื่อง เพื่อรองรับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น และจะสร้างแบรนด์ให้มีความเข้มแข็งเพื่อให้สามารถจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้ดียิ่งขึ้นด้วย

พร้อมกันนี้บริษัทได้เริ่มขยายตลาดสีทาอาคารไปในประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 17,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มประเทศดังกล่าวราว 10-15% ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 2%

นายรณฤทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองหาการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และ การเข้าร่วมลงทุน (JV) ในกลุ่มสินค้าใหม่ๆที่บริษัทยังไม่มี เพื่อที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพการเติบโต ด้วยงบลงทุนราว 1,000 ล้านบาทในช่วงปี 66-68 โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการทำดีลต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการเติบโตของบริษัทตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป

สำหรับปี 65 บริษัทมั่นใจรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 900 ล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้แล้ว 434.21 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 23.69 ล้านบาท โดยทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันโรงแรมเริ่มกลับมาเปิดและมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น เมื่อน้ำลดแล้วเชื่อว่าประชาชนต้องปรับปรุงบ้านให้กลับมาสู๋สภาพปกติ โดยเฉพาะการทาสีเป็นสิ่งที่ทำได้ทันที ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 3 ผลิตภัณฑ์ และบริษัทยังได้มีการปรับราคาขึ้นมาเฉลี่ย 8% เพื่อให้สะท้อนกับต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยจะสะท้อนเข้ามาในผลประกอบการไตรมาส 3/65 ด้วย

Back to top button