PLUS บวกแรง 7% ส่งซิกครึ่งปีหลังแจ่ม! รับไฮซีซั่น ย้ำเป้ารายได้ปีโต 50%

PLUS บวกแรง 7% ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม! รับไฮซีซั่น ลุ้นเซ็นตัวแทนขายสหรัฐเพิ่ม ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ 1,500 ล้านบาท โต 50%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ณ เวลา 16:28 น. อยู่ที่ระดับ 10.30 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 6.74% สูงสุดที่ระดับ 10.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100.43 ล้านบาท

ด้านนายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ PLUS เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่ในไตรมาส 4/2565 มีแนวโน้มจะได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักของ PLUS เข้ามาเพิ่มขึ้น จากการที่ Distributor (ผู้จัดจำหน่าย) รายใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจามีแผนที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังห้างวอลมาร์ท (Walmart) คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ และยังมี Distributor รายอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย ที่จะทยอยสรุปออกมาต่อเนื่อง โดยลุ้นจะปิดดีลผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ รายใหญ่อีก 1 รายภายในปีนี้

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3/2565 อัตราค่าระวางเรือ (Ocean freight charge) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะเส้นทางสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดหลักของบริษัท ขณะเดียวกันมีเรือเพียงพอต่อการขนส่ง และสามารถหาเรือได้เร็วขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปัญหาเรื่องเรือส่งของขาดแคลน รวมถึงปัจจุบันประเทศจีนยังมีการล็อกดาวน์ ถือเป็นปัจจัยบวกกับบริษัท ทำให้ PLUS สามารถส่งของให้กับลูกค้าได้ในปริมาณ (Volume) ที่มากขึ้น (เป็นการทดแทนสินค้าจากประเทศจีนที่ยังไม่สามารถส่งออกได้) ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลดีต่อบริษัทที่มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 99.8% ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการถือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ประมาณ 64%

โดยสัดส่วนรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2565) บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากตลาดสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ 50% เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีสัดส่วนรายได้จากสหรัฐอเมริกาประมาณ 40% ซึ่งสัดส่วนรายได้จากสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากประเทศจีนยังมีการล็อกดาวน์ ทำให้ PLUS สามารถส่งของให้กับลูกค้าได้ใน Volume ที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ระดับกว่า 100% จากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตในตลาดดังกล่าวแล้วมากกว่า 100%

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะเดินทางไปงานแสดงสินค้าในประเทศฝรั่งเศสในเดือน ตุลาคมนี้ (ซึ่งงานจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 15-19 ตุลาคม 2565) เพื่อที่จะขยายตลาดและลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น

สำหรับในปี 2565 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้อยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้ 1,009.5 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 833.48 ล้านบาท หลังจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ จำนวน 2 SKU พร้อมวางเป้าหมายจะมียอดขายจากการออกสินค้าใหม่ที่ประมาณ 10% ต่อปี ซึ่งจะเป็นตัวที่ช่วยหนุนให้สินค้าเดิมเติบโตตามไปด้วย

ขณะที่บริษัทประเมินภาพรวมของรายได้ในปี 2566 (ปีหน้า) จะเติบโตที่ระดับ 20-30% โดยจะมาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และยังมีการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) เฟส 1 ขนาด 1 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของต้นทุนได้ประมาณ 30% ของค่าไฟต่อปีที่ 5-6 แสนบาท ในปีหน้า ส่งผลดีต่อความสามารถในการทำกำไร

นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/2565 จะมีการเริ่มเจรจากับ Suppliers (ซัพพลายเออร์) ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ เพื่อสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับในปีหน้าและต่อรองราคาล่วงหน้า เพื่อรับมือกับสถานการณ์เงินเฟ้อในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบสำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ประมาณ 5 ล้านบาทต่อปี และวางเป้าหมายจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จำนวน 2 SKU ต่อปี

ส่วนตลาดภายในประเทศไทย ในปีนี้ได้เริ่มมีการทำตลาดบ้างแล้ว เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางธุรกิจ โดยล่าสุด PLUS ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักในเวทีประกวดมิสแกรนด์กรุงเทพมหานคร รวมถึงเริ่มมีการวางจำหน่ายสินค้าในฟู้ดแลนด์ซูเปอร์มาร์เก็ต, กูร์เมต์ มาร์เก็ต และร้านจิฟฟี่ อีกทั้งยังมีการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น Shopee เป็นต้น และในระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2565 บริษัทได้ร่วมงาน “PLANT BASED FESTIVAL 2022” มหกรรมอาหารแห่งอนาคต ครั้งที่ 1 ณ สามย่านมิตรทาวน์ โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ภายในงานด้วย

นายพลแสง กล่าวอีกว่า ในเดือน กันยายนนี้ จะมีการเซ็นสัญญาซื้อเครื่องจักรใหม่ จำนวน 5 ไลน์ผลิต เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2566 โดยมีกำลังการผลิตที่ 400 ขวดต่อนาที คิดเป็นการเพิ่มขึ้นอีก 76.6 ล้านขวดต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 200 ล้านขวดต่อปี โดยปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนปรับปรุงสายการผลิตระบบการบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Aseptic) สำหรับขวดพลาสติกแบบ PET มูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินระดมทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักร

“ในอดีตที่ผ่านมาเรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในปี 2564 รายได้เราลดลง เพราะสายเรือที่ขาดแคลน ส่งออกไม่ได้ ส่งผลทำให้รายได้ลดลง แต่ก็ยังคงมีกำไร และเราเชื่อมั่นว่าในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้วางเป้าหมายในปี 2567 รายได้รวมจะเติบโตที่ระดับ 2,500 ล้านบาท และในปี 2569 รายได้รวมจะเติบโตแตะ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเราเชื่อว่าหุ้น PLUS จะเป็นทั้งหุ้นเติบโต (Growth Stock) และหุ้นปันผล (Dividend Stock) เพราะเราจะมีการลงทุนทีเดียวในปีนี้ แล้วจะสร้างรายได้ให้โตตามเป้าหมาย ซึ่งกำไรก็จะโตสอดคล้องไปกับรายได้ด้วย จึงคาดว่าอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) จะสูงขึ้นตามไปด้วย” นายพลแสง กล่าว

Back to top button