SENAJ บวก 3% จับตาผลงาน Q3 สดใส มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 1.9 พันล.

SENAJ บวก 3% จับตาผลงาน Q3/65 สดใส บุ๊กกำไรพิเศษขายที่ดินหนุน มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 1,950 ล้านบาท พร้อมวางยอด Presale ทั้งปี 65 ที่ 2,400 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ต.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท เสนา เจ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ SENAJ ณ เวลา 10:24 น. อยู่ที่ระดับ 1.21 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 3.42% สูงสุดที่ระดับ 1.22บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.17 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 96.86 ล้านบาท

โดยนางสาวอธิกา บุญรอดชู ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน SENAJ เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3/2565 ว่า จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2565 ซึ่งมีรายได้รวม 128.16 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 83.08 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3/2565 จะมีการบันทึกรายได้จากการขายที่ดินทำเลเพชรเกษม ให้กับกลุ่มฮันคิว ฮันชิน เพื่อพัฒนาโครงการร่วมทุน มูลค่ารวมประมาณ 100 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมรายได้ในไตรมาส 3/2565 น่าจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงไตรมาส 2/2565 แต่จะเริ่มเห็นการปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) มากขึ้น จากการปรับราคาขายของคอนโดมิเนียมที่เป็นสต๊อกคงค้างในปัจจุบัน

ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่าในปี 2565 ผลการดำเนินงานจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทได้วางเป้าหมายรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ไว้ที่ 1,950 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัททำได้แล้ว 298 ล้านบาท คิดเป็น 15% ของเป้าหมายทั้งปี ขณะล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) มูลค่ารวม 437 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้ทั้งหมด อีกทั้งปัจจุบันบริษัทยังมีสินค้าที่เหลืออยู่ (Remaining) มูลค่ารวมกว่า 6,800 ล้านบาท เป็นสินค้าพร้อมโอน (Ready to move) มูลค่ารวม 1,961 ล้านบาท จาก 20 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

ส่วนเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2565 อยู่ที่ 2,400 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายที่ 637 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 26% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี และในไตรมาส 3/2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,475 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ เสนา คิทท์ เพชรเกษม-อ้อมน้อย 2 (Sena Kith Petchkasem-Omnoi 2) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับกลุ่มฮันคิว ฮันชิน สูง 8 ชั้น มีจำนวนห้องชุดพักอาศัยรวม 657 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในเฟสแรกได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป และ 2. โครงการ เจ เอ็กซ์ บางใหญ่ (J Ex Bang Yai) เป็นโครงการบ้านแนวราบ 123 ยูนิต มูลค่าโครงการ 775 ล้านบาท

“ในช่วงครึ่งปีหลัง เราจะปรับราคาขายบ้านที่เป็นสต๊อกเดิม ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นด้วย ส่วนบ้านที่เป็นต้นทุนใหม่ ก็จะปรับราคาให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนใหม่ ประกอบกับบริษัทยังคงต้องใช้เวลาในการบริหารจัดการต้นทุนอื่น ๆ ซึ่งน่าจะเริ่มเห็นอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นชัดเจนในไตรมาส 2/2566” นางสาวอธิกา กล่าว

Back to top button