ดักเก็บ 3 หุ้นโรงไฟฟ้า! อานิสงส์ “กกพ.” ถอยลด Ft เอกชนเหลือ 5.33 บ./หน่วย

ดักเก็บ 3 หุ้นโรงไฟฟ้า! รับอานิสงส์ “กกพ.” ถอยลด Ft เอกชน งวดใหม่ ม.ค.-เม.ย. 66 เหลือ 5.33 บ./หน่วย จากเดิม 5.69 บาทต่อหน่วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ด กกพ.) มีมติทบทวนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 ประเภทอื่นๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการ โรงแรมฯลฯ ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่เดิมจะต้องปรับไปอยู่ 190.44 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วย หรือจ่ายค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ 5.69 บาทต่อหน่วย โดยบอร์ดกกพ.ได้ทบทวนค่าเอฟทีใหม่เหลือ 154.92 ต่อหน่วย หรือลดลง 35.52 สต.ต่อหน่วย ทำให้เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วค่าไฟฟ้าเฉลี่ยกลุ่มดังกล่าว จึงลดลงเหลือ ประมาณ 5.33 บาทต่อหน่วย

ส่วนค่าไฟฟ้ากลุ่มบ้านที่อยู่อาศัยยังคงเดิมที่ 93.43 สต.ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยอยู่ในระดับเท่าเดิมที่อัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย

สำหรับสาเหตุที่บอร์ด กกพ.มีมติลดค่าไฟฟ้าดังกล่าวได้ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) ยอมเลื่อนการคืนหนี้ ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จ่ายล่วงหน้าให้ประชาชนไปก่อนหน้ารวม 160,000 ล้านบาท จากเดิมขอให้ชำระหนี้ภายใน 2 ปีก็ขอให้พิจารณาเลื่อนเป็น 3 ปี ทำให้ต้นทุนส่วนนี้ลดลงจากงวดนี้ (ม.ค.-เม.ย. 2566) รวม 33 สต.ต่อหน่วย เหลือ 22 สต.ต่อหน่วย

นอกจากนี้ได้มีการปรับสูตรคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ จากแนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ช่วยลดอัตราคำนวณจาก 37 บาทเหลือ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเหลือ 466 บาทต่อล้านบีทียู จากอัตราเดิมอยู่ที่ 506 บาท/ล้านบีทียู และอีกส่วนหนึ่งมาจากการนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย แบ่งมาใช้คำนวณในระบบแก่กลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ มีการนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ไปคำนวณเฉพาะการใช้ผลิตไฟฟ้าให้กับกลุ่มบ้านที่อยู่อาศัยเท่านั้น

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินเป็น negative sentiment ต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าโดยเฉพาะ SPP ซึ่งมีสัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรมในระดับสูง หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นช่วงกลางเดือนธ.ค. 65 สะท้อนอัตราค่าไฟฟ้าที่ 5.69 บาท/หน่วย ทั้งนี้หากผลสรุปค่า Ft ปรับลดลงมาที่ 5.33 บาท/หน่วย จะยังเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าระดับปัจจุบันที่ 4.72 บาท/หน่วย ประเมินยังคงหนุนให้ผลประกอบการกลุ่มโรงไฟฟ้าฟื้นตัวได้ อิงค่าก๊าซธรรมชาติไม่สูงกว่าระดับปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ (ที่ 550 บาท/ MMBTU ในช่วงครึ่งหลังปี 66) โดยยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า“มากกว่าตลาด”

ทั้งนี้หากเรียงลำดับจากหุ้นที่ได้รับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรมประกอบด้วย GPSC แนะซื้อราคาเป้า 75.00 บาท, BGRIM แนะซื้อราคาเป้าหมาย 40.00 บาท และ GULF แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 60.00 บาท

Back to top button