RBF ปิดพุ่ง 7% ลั่น Q2 ฟื้นตัว ออเดอร์ลูกค้าต่างประเทศไหลเข้า ยันเป้ารายได้ปีนี้โต 20%

RBF ปิดบวก 7% ลั่นผลงานไตรมาส 2/66 ฟื้นตัว! รับออเดอร์ลูกค้าต่างประเทศไหลเข้าทะลัก ยันเป้ารายได้ปีนี้โต 20%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 มิ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ปิดตลาดที่ระดับ 10.80 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 6.93% สูงสุดที่ระดับ 10.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 240.39 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและ RBF เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทเริ่มเห็นสัญญานที่ดีจากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เข้ามามากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มของต้นทุนโดยรวมปรับตัวลดลง ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก จากการขยายตลาดที่น่าจะดีขึ้น ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วย

สำหรับในปี 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโต 15-20% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 3,968.31 ล้านบาท แม้ในช่วงไตรมาส 1/2566 จะมีรายได้รวม 1,055.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 984.23 ล้านบาท โดยจะมีปัจจัยบวกมาจากคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศที่จะกลับเข้ามามากขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ขณะที่ตลาดภายในประเทศจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2566 น่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 2-3% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 34% ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทมีอัตรากําไรขั้นต้นที่ 36.13% จากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ประกอบกับได้ออเดอร์ใหม่ ๆ ที่มีมาร์จิ้นสูง และสินค้าในกลุ่ม food coating มีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ การเติบโตของ RBF ในช่วง 3-5 ปีจากนี้ จะเติบโตจากตลาดต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม และในอนาคตจะขยายไปยังประเทศจีนเป็นลำดับต่อไป โดยในปี 2566 บริษัทได้วางเป้าหมายจะมีรายได้จากประเทศอินเดีย 30-50 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้แล้ว 15 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 146.73 ล้านบาท ลดลง 9.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 162.86 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,055.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 984.23 ล้านบาท การเติบโตของรายได้มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราการเติบโต 41.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มแป้งและซอส

ขณะที่ อัตรากําไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2566 ลดลงอยู่ที่ระดับ 36.13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 37.55% เป็นผลมาจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้นช่วงต้นปี 2565 ทําให้ราคาของวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตและส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลก และอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าของค่าเงินบาท ส่งผลมาถึงต้นทุนสินค้าในช่วงต้นปี 2566 และจากการเติบโตของสินค้ากลุ่มกิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีอัตรากําไรตํ่า

นอกจากนี้ ยังมีผลมาจากการขยายธุรกิจกับกิจการร่วมค้าในต่างประเทศเพื่อขยายตลาด จึงมีการส่งออกสินค้าให้บริษัทร่วมค้าในอัตรากําไรตํ่าเพื่อเปิดตลาด จนกว่าบริษัทร่วมค้าเปิดโรงงานที่ต่างประเทศได้แล้วเสร็จ ดังนั้นจึงส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 1/2566 ลดลงอยู่ที่ระดับ 13.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 16.84%

 

 

Back to top button