ครม.อนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 67 ก่อหนี้ใหม่ 1.94 แสนลบ.

โฆษกรัฐบาล เผย ครม. อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ปี 67 ก่อหนี้ใหม่ 1.94 แสนล้านบาท และแผนการบริหารหนี้เดิม 1.62 ล้านล้านบาท


วันที่ 26 ก.ย. 66 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2567 เฉพาะในส่วนที่ ครม.ได้มีมติอนุมัติแล้ว การบริหารหนี้ที่ครบกำหนด และการชำระหนี้ ประกอบด้วย

  1. แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม 194,434.53 ล้านบาท
  2. แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม 1,621,135.22 ล้านบาท
  3. แผนการชำระหนี้ วงเงินรวม 390,538.63 ล้านบาท

โดยการดำเนินงานตามแผนฯ หน่วยงานภายใต้แผนฯ จะต้องดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย

โดยสาระสำคัญของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2567 มี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.แผนการก่อหนี้ใหม่ ประกอบด้วย (1) การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2566 ที่มีการขยายเวลากู้เงินออกไปภายหลังจากวันสิ้นปีงบประมาณ สำหรับการเบิกจ่ายกันเหลื่อมปีวงเงิน 40,000 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (2) การก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจเป็นการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาที่สำคัญ รวมถึงเป็นการกู้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปของรัฐวิสาหกิจ

2.แผนการบริหารหนี้เดิม ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิมที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ 2567

3.แผนการชำระหนี้ ประกอบด้วย แผนการชำระหนี้ของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหนี้หน่วยงานของรัฐ จากงบประมาณ ปี 2567 วงเงิน 336,807 ล้านบาท และแผนการชำระหนี้จากแหล่งเงินอื่นๆ วงเงิน 53,731.63 ล้านบาท

โดยในแผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2567 มีรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการต่ำกว่า 1 เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ 2567

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากประมาณการหนี้สาธารณะคงค้างต่อ GDP ณ สิ้นปีงบประมาณ 2567 จากการดำเนินการตามแผนฯ ที่เสนอในครั้งนี้ จะยังอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนดที่ไม่เกิน 70%.

X
Back to top button