3 หุ้นน้ำตาลวิ่งคึก! เก็งปรับราคาหน้าโรงงาน 4 บาท

3 หุ้นน้ำตาลวิ่งคึก! เก็งปรับราคาหน้าโรงงานในประเทศขึ้นอีก 4 บาท/กิโลกรัม ภายใน ต.ค. นี้ KSL นำทีมบวก 4%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ต.ค.66) ราคาหุ้นกลุ่มน้ำตาลปรับตัวขึ้นคาดเก็งราคาหน้าโรงงานในประเทศปรับขึ้น 4 บาทต่อกิโลกรัม ภายใน ต.ค. นี้ นำโดยบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL ณ เวลา 10:38 น. อยู่ที่ระดับ 2.88 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 4.35% สูงสุดที่ระดับ 2.9 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.82 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.15 ล้านบาท

ราคาหุ้นบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ณ เวลา 10:38 น. อยู่ที่ระดับ 2.88 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 2.54% สูงสุดที่ระดับ 6.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.26 ล้านบาท

บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR ณ เวลา 10:43 น.อยู่ที่ระดับ 5.45 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.87% สูงสุดที่ระดับ 5.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.90 ล้านบาท

บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้( 26 ต.ค.66) ว่า มีแนวโน้มปรับราคาน้ำตาลทรายขึ้นถึง 21% ภายใน ต.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการน้ำตาลว่า ราคาน้ำตาลทรายในประเทศมีแนวโน้มปรับขึ้นราคาหน้าโรงงานประมาณกิโลกรัม(กก.) ละ 4 บาท ภายในเดือน ต.ค.นี้

โดยแบ่งเป็นการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น กก.ละ 2 บาท และการเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย กก.ละ 2 บาท เพื่อนำไปจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยที่ตัดอ้อยสดส่งเข้า โรงงานน้ำตาลโดยไม่ใช้วิธีการเผา เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกในประเทศต้องปรับขึ้นตาม ทั้งนี้ปัจจุบันราคาหน้าโรงงานน้ำตาลทรายขาวธรรมดาอยู่ที่ กก.ละ 19 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 20 บาท

ขณะที่ราคาขายปลีกในท้องตลาดน้ำตาลทรายขาวธรรมดา กก.ละ 24 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์กก.ละ 25 บาท และหากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) มีมติให้ขึ้นราคาได้อีก กก.ละ 4 บาทจริง จะมีผลให้ราคาหน้าโรงงาน น้ำตาลทรายขาวธรรมดาปรับขึ้นเป็น กก.ละ 23 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ปรับขึ้นเป็น กก.ละ 24 บาท ขณะที่ราคาขายปลีกจะปรับขึ้นไปเป็น กก.ละ 28 -29 บาทตามลำดับ หลังจากที่ราคาหน้าโรงงานเพิ่งปรับเพิ่มขึ้น กก.ละ 1.75 บาทเป็น กก.ละ 19 บาท และ กก.ละ 20 บาทเมื่อเดือน ม.ค. 2566

ทั้งนี้การขึ้นราคาน้ำตาลทรายในประเทศครั้งนี้มาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมาก ทั้งราคาอ้อยที่สูงขึ้นจากภัยแล้ง ที่ทำให้ผลผลิตลดลง คาดว่าการหีบอ้อยในปีการผลิต 23/24 ผลผลิตอ้อยอาจเหลือเพียง 75-80 ล้านตัน ลดลง 10% และยังมีความต้องการทำให้ราคาน้ำตาลของไทยเท่ากับราคาตลาดโลก ที่ กก.ละ 27 บาท

โดยมีมุมมองเป็นลบจากประเด็นข้างต้น โดยการปรับราคาน้ำตาลทรายขึ้นครั้งนี้ปรับตัวขึ้นถึง 21% หลังจากมีการปรับครั้งล่าสุดในเดือน ม.ค.2566 ซึ่งได้ปรับราคาขึ้น 10% มองว่าจะเป็น downside ต่อประมาณการกำไรปี 2567 ของกลุ่ม Food & Beverage โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะมีการล็อคราคาน้ำตาลไว้ล่วงหน้า 6 เดือน-1ปี

สำหรับหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมากไปน้อยตามการใช้น้ำตาลมีดังนี้ CBG มีต้นทุนน้ำตาลที่ 13% ของ domestic branded own , OSP 6%, SAPPE 5%, SNNP 2%, PLUS 1% ทั้งนี้ หากราคาน้ำตาลทุกๆ 10% จะกระทบกำไรปี 2567 ที่ 1-5% อย่างไรก็ตามมองว่าประเด็นข้างต้นจะส่ง sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มและส่ง sentiment เชิงบวกกับหุ้นผู้ผลิตน้ำตาล ได้แก่ KTIS, KSL, BRR, KBS

ทั้งนี้ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์หุ้นผู้ผลิตน้ำตาลข้างต้น อย่างไรก็ตามยังน้ำหนักกลุ่ม Food & Beverage เป็นมากกว่าตลาด โดยเลือก SAPPE และ CBG เป็น top pick โดย SAPPE แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 120.00 บาท และ CBG ซื้อ 109.00 บาท

Back to top button