TU ปิดบวก 2% หลังงบ Q3 สูงกว่าคาด โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 17.50 บาท มองกำไร Q4 พีกสุด

TU ปิดบวก 2% หลังกำไรไตรมาส 3/66 สูงกว่าคาด แตะ 1.2 พันล้านบาท โบรกมองไตรมาส 4/66 เติบโตต่อเนื่องรับไฮซีซั่น แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 17.50 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 พ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ปิดตลาด ที่ระดับ 14.00 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.19% สูงสุดที่ระดับ 14.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498.56 ล้านบาท

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 1.21 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.26 บาท โดยกำไรสุทธิเติบโต 17.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท เติบโต 8.4% ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากราคาวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวลดลง พร้อมทั้งการปรับรายการสินค้าโดยเน้นสินค้าที่ทำกำไร รวมถึงการประสบความสำเร็จจากแผนและมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มกำไร ทั้งนี้ ยอดขายในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ระดับ 3.4 หมื่นล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรสุทธิของ TU ประจำไตรมาส 3/66 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 7.6% ขณะที่กำไรหลักแตะระดับ 1.56 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่า consensus คาดการณ์ 40% และสูงว่าการประเมินของฝ่ายวิเคราะห์ 19%

สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจาก 18.2% ในไตรมาส 2/66 มาอยู่ที่ 18.4% เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าคาดการณ์ผลประกอบการของจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า อย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และอัตรากำไรที่จะดีขึ้น เนื่องจากได้รับผลดีจากแนวโน้มราคาปลาทูน่าซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญปรับตัวลดลง โดยล่าสุดในวันที่ 23 ต.ค.66 ราคาทูน่าอยู่ที่ 1.6 พันเหรียญต่อตัน ลดลง 15% จากช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 ที่ระดับ 1.9 พันเหรียญต่อตัน

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการ TU ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้นในไตรมาส 4/66 นอกจจากนี้ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งจะเริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่นในช่วงปลายปี จึงมองว่าการฟื้นตัวจากธุรกิจหลักจะมีน้ำหนักมากกว่า Red Lobster ที่เข้าสู่โลว์ซีซั่น ซึ่งจะทำให้คาดกำไรงวดไตรมาส 4/66 เป็นจุดที่ดีที่สุดของปี ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 17.5 บาท

Back to top button