ANI ดีดกลับ 17% มั่นใจรายได้ปีหน้าโต 30% ลูกค้าสายการบินพุ่ง

ANI ดีดกลับ 17% มั่นใจรายได้ปีหน้าโต 30% ลูกค้าสายการบินพุ่ง ตามแผนขยายสายการบินพันธมิตร-เปิดเส้นทางใหม่ พ่วงแบ็กอัพดี “ทริพเพิลไอ-สกาย” หนุน ขณะที่ SJWD เข้าถือหุ้นใหญ่ โบรกฯ มองเป็นจังหวะ “ซื้อ” เป้า 9.41 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วันนี้(15 ธ.ค.66)ราคาหุ้นบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI ณ เวลา 11: 54 น. อยู่ที่ระดับ 5.85 บาท บวก 0.87 บาท หรือ 17.47% สูงสุดที่ระดับ 5.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.98 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 269.92 ล้านบาท

ด้านนายทิพย์ ดาลาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI กล่าวว่าปี 2567 ANI ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 25-30% จากปีนี้ โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสายการบินพันธมิตรมากขึ้น และทยอยเปิดให้บริการในเส้นทางใหม่ ๆ ให้โครงข่ายครอบคลุมการให้บริการมากขึ้น โดยจะเน้นเส้นทางเศรษฐกิจหลัก ๆ เพิ่มเติมจากเดิม 8 ประเทศที่มีอยู่เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี

รวมถึงการเดินหน้าทำสายการบินเพื่อให้บริการขนส่งสำหรับสินค้าโดยเฉพาะในอนาคต ซึ่งแผนการเติบโต 3-5 ปี ก็มีแผนที่จะขยายเส้นทางในประเทศใหม่ในเอเชียให้เต็มก่อน และขยายต่อไปข้ามภูมิภาคเช่น ยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น และจะมีการจับมือกับพันธมิตรในการสร้างทำเส้นทางเฉพาะสำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศของบริษัทเอง

ทั้งนี้การขยายพันธมิตรสายการบินตามปกติก็มีดีลเข้ามาทุกไตรมาสอยู่แล้ว ทุก ๆ 2-3 เดือนก็จะมีสัญญาใหม่ ๆ ตลอด อย่างน้อย 1 สัญญาเข้ามา และก็ขึ้นอยู่กับสายการบินและประเทศที่มีขนาดของเรื่องนำเข้าส่งออกทางอากาศมากน้อยแค่ไหน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปตามเศรษฐกิจและปริมาณสินค้า โดยในเรื่องของ M&A และ JV จะมีการเริ่มขยายในประเทศใหม่ ๆ ในเอเชียก่อน และในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสมากที่จะขยายไปนอกทวีปอาจจะเริ่มที่ยุโรป โดยวางงบลงทุน M&A และ JV ไว้เบื้องต้นประมาณ 500 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมปีหน้ามองว่าน่าจะขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากหลังโควิด-19 ทำให้มีเที่ยวบินมากขึ้น ส่วนปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ดีมาก ทางจีนก็ยังไม่ได้มีการเติบโตมาก จึงมองว่าในปีหน้ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก และหากจีนขับเคลื่อนได้ดีขึ้นก็จะส่งผลดีกับหลายประเทศในภูมิภาค ขณะที่ในส่วนของการบริหารต้นทุนนั้น ปัจจุบันมีการอ้างอิงจากค่าระวางขนส่งในตลาด เนื่องจากในปีนี้ค่าระวางสินค้าถือว่าต่ำสุดแล้ว บริษัทพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บริษัทก็พยายามในการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการเข้าซื้อขายหุ้น ANI วันแรก (14 ธ.ค. 2566) นั้น แม้ว่าราคาเปิดจะไม่สูงเท่ากับที่มีการประเมินไว้จากนักวิเคราะห์ เนื่องจากตลาดยังอยู่ในภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ก็มองว่าราคาที่เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคาเหมาะสมที่ 5.25 บาท/หุ้น เหมาะสมกับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาว หุ้น ANI ถือเป็นธุรกิจระดับภูมิภาคมีโอกาสเติบโตค่อนข้างสูง ปันผลก็มากกว่า 40% และมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เข้ามาถือหุ้นอย่าง บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD จึงมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุน

ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 240.31 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.1858 บาท เพิ่มขึ้น 137%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 101.35 ล้านบาท

บทวิเคราะห์จากหลายบริษัทหลักทรัพย์ได้ให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ยอยู่ที่ 7.14-9.41 บาท/หุ้น โดยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 9.41 บาท/หุ้น

X
Back to top button