AP ร่วง 7% ผิดหวังกำไร Q1 หด 32% เหลือ 1 พันล้าน ต่ำกว่าคาด

AP ร่วงหนัก 7% นักลงทุนขายทำกำไร หลังรายงานงบไตรมาส 1/67 กำไรลดเหลือ 1 พันล้านบาท หดตัว 32% ต่ำกว่าคาดการณ์ หลังคาดยอดขายบ้านเดี่ยวอ่อนตัว-ยอดโอนลดลง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ณ เวลา 10:56 น. อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท ลบ 0.80 บาท หรือ 7.48% สูงสุดที่ระดับ 10.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 356.82 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น AP ที่ปรับตัวลงมาแรงนั้น ตอบรับการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/67 ต่ำว่าคาดการณ์ไว้ โดยบริษัทฯ มีกำไรในงวดไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 1,0008 ล้านบาท ลดลง 31.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,478 ล้านบาท สาเหตุจากมีรายได้รวม 7,939 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.60 จากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายที่ 7,607 ล้านบาท ลดลง 16.80% จากปีก่อน

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท AP มียอด Presale ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 9,671 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุยอดขายโครงการแนวราบเป็นหลัก โดยยอดขายบ้านเดี่ยวอ่อนตัวจากซัพพลายที่เพิ่มมากขึ้นการแข่งขันสูงขึ้น และยังมีอัตราการยกเลิก (Cancellation rate) สูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง ความสามารถในการกู้ของลูกค้าลดลง แต่หากเทียบไตรมาสก่อนหน้า ยอดพรีเซลจะลดลงจากคอนโดเป็นหลัก จากช่วงปลายปีก่อน ที่โครงการ Rhythm Charoennakorn Iconic ทำยอดขายดีเกินคาดการณ์ไปมาก

โดยภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและโครงการที่ยังเปิดได้น้อยในไตรมาสแรก ทำให้มีรายได้โอนอยู่ที่ 7,607 ล้านบาท ลดลง 16.80% จากช่วงเดียกวันของปีก่อน และลดลง 15.6% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของตลาดอสังหาฯ อยู่ที่ 33.70% อ่อนตัวจากปีก่อน สาเหตุจากปีก่อนโอนโครงการในพื้นที่ทำเลดี อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรอ่อนตัวจากปีก่อน เนื่องจากการโอนโครงการเดิมยังไม่มีโครงการครบกำหนดโอนเข้ามาใหม่ จึงเป็นผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/67 ลดลง 32% เหลือ 1 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินไตรมาส 2/67 ภาพการขายและการโอนดีขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีสัดส่วนที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่า 7 ล้านบาท อยู่ที่ 51.80% ของสต็อกทั้งหมด โดยมาตรการลดค่าโอนส่งผลให้ภาพการขายดีขึ้น ทำอัตรายอดขาย (Take up rate) เพิ่มขึ้นในโครงการแนวราบในสัปดาห์แรกบางโครงการราว 20% หลังประกาศมาตรการกระตุ้น ซึ่งสูงกว่าช่วงไตรมาส 1/67 ที่ราว 10% ทางฝ่ายมองว่าภาพตลาดอสังหาฯในช่วงไตรมาส 2/67 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/67 เล็กน้อย

นอกจากนี้ บริษัทฯ เองยังมีเปิดโครงการเพิ่มขึ้นถึง 22 โครงการ มูลค่า 27,710 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโด 4 โครงการ 8,600 ล้านบาท และแนวราบ 18 โครงการ 19,110 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าโครงการที่เปิดมากขึ้นจะช่วยทำให้ยอด Presale ดีขึ้น และมีคอนโดฯ ครบกำหนดโอน 2 โครงการ Aspire ratchayothin (AP) มูลค่า 1,500 ล้านบาท และ Life phahon-ladprao (JV) มูลค่า 3,500 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/67 ที่ยังไม่มีคอนโดครบกำหนดโอน จะช่วยให้ยอดโอนดีขึ้น ส่วน Life rama4-asoke(JV) มูลค่า 6,500 ล้านบาท เดิมที่จะโอนในไตรมาส 2/67 เลื่อนเดือนโอนไปยังไตรมาส 3/67 ไม่ได้กระทบยอดโอนมาก ส่วนเรื่องขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนไม่ได้มาก AP มีสัดส่วนค่าแรงคิดเป็น 6% ของต้นทุนขาย

ด้านทางฝ่ายผู้บริหารยังคงมีนโยบายขเข้มงวดในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ที่ 0.8 เท่า และแผนการเปิดโครงการแนวราบยังสูงที่สุดในอุตสาหกรรม เพื่อพยายามผลักดันยอดขายและยอดโอน ซึ่งเน้นโครงการทาวน์โฮมที่สามารถสร้างและโอนได้ภายในปี เพื่อดึงกระแสเงินสด (cash flow) ให้เร็วขึ้น โดยจะนำเงินกลับมาลงทุนทำโครงการใหม่ๆได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ยังคงรักษาอัตราหนี้สินต่อทุนได้ในระดับเดิม

โดยบริษัทฯ ยังคงมั่นใจในการบริหารงาน และมองปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจหากกลับมาดีขึ้น จะทำให้อสังหาฯ รายใหญ่ฟื้นตัวได้ก่อน เนื่องจากมีฐานะทางการเงินที่ดี ความพร้อมของสินค้าเพื่อขายมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินราคาหุ้น โดยใช้ P/E ที่ 6.80 เท่า บวกกับค่าความยั่งยืนของกิจการอีก 2.8% เป็น 7 เท่า ด้วยงบที่ประกาศออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งทางฝ่ายปรับลดกำไรปี 67 ลงราว 6.50% จากคาดการณ์เดิม มาอยู่ที่ 5,754 ล้านบาท และปรับลดราคาพื้นฐานลงมาที่ 12.80 บาท

ส่วนราคาหุ้นอาจปรับตัวลงมาในโซนต่ำจากการขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พ.ค. 67 จากการจ่ายอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 6.50% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 5.60% แนะนำลงทุนรับภาพไตรมาส 2/67 ที่จะฟื้นตัว โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button