ดาวโจนส์ปิดร่วง 222 จุด! หลังเฟดกังวลศก.ชะลอตัว

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้แสดงความกังวลว่า ความผันผวนในตลาดการเงินอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในการประชุมเฟดครั้งล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (27 ม.ค.) ที่ 15,944.46 จุด ร่วงลง 222.77 จุด หรือ -1.38% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,468.17 จุด ลดลง 99.50 จุด หรือ -2.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,882.95 จุด ลดลง 20.68 จุด หรือ -1.09%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดเมื่อวานนี้บ่งชี้ว่า เฟดได้แสดงความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับภาวะผันผวนในตลาดการเงิน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ เฟดกำลังจับตาดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินการเงินอย่างใกล้ชิด รวมทั้งจับตาดูว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและยุโรป และการร่วงลงของราคาน้ำมันนั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากน้อยเพียงใด ส่วนในการประชุมครั้งล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้อยู่ในช่วง 0.25-0.50% พร้อมกันนี้ เฟดไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนมี.ค.

หุ้นแอปเปิลร่วงลง 6.55% หลังจากแอปเปิลออกแถลงการณ์คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาสแรกปีนี้จะปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2003 เนื่องจากความต้องการ iPhone ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อยอดขายของบริษัทได้เข้าสู่ภาวะอิ่มตัว และการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นนั้น ทำให้สินค้าของแอปเปิลมีราคาแพงขึ้นด้วย

หุ้นโบอิ้งร่วงลง 8.93% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ามีกำไร 1.03 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.51 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ลดลงจาก 1.47 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.02 ดอลลาร์/หุ้น ในช่วงเดียวกันของปี 2014 นอกจากนี้ โบอิ้งยังคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีกำไร 8.15-8.35 ดอลลาร์/หุ้นในปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 9.43 ดอลลาร์/หุ้น พร้อมกับคาดการณ์ว่า การส่งมอบเครื่องบินจะลดลงสู่ระดับ 740-745 ลำในปีนี้ จาก 762 ลำในปีที่แล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 10.8% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 544,000 ยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 502,000 ยูนิตในเดือนธ.ค.

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค.

Back to top button