แรงซื้อหุ้นเทคโนฯ-แบงก์ดันดาวโจนส์ปิดพุ่ง 222 จุด!

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธนาคาร และกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงก็ตาม


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (16 ก.พ.) ที่ 16,196.41 จุด พุ่งขึ้น 222.57 จุด หรือ +1.39%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,435.96 จุด เพิ่มขึ้น 98.46 จุด หรือ +2.27% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,895.58 จุด เพิ่มขึ้น 30.80 จุด หรือ +1.65%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธนาคาร และกลุ่มค้าปลีก ต่างก็ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.1% ขณะที่ธนาคารกลางจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของจีนในเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 71% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 2.51 ล้านล้านหยวน (3.85 แสนล้านดอลลาร์)

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 2.8% ขณะที่หุ้น Qorvo ดีดตัวขึ้น 8.2% และหุ้นยาฮู อิงค์ พุ่งขึ้น 8.3% ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นกลุ่มโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับขึ้น 2.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นยูเอส แบงก์คอร์ป ปรับขึ้น 2.8% ส่วนหุ้นฟิฟธ์ เธิร์ด แบงก์คอร์ป และหุ้นคีย์คอร์ป ต่างก็ทะยานขึ้นกว่า 4%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Amazon.com และหุ้นโฮม ดีโปท์ ต่างก็ปรับตัวขึ้น 2.6% หุ้นไพรซ์ไลน์ กรุ๊ป ทะยานขึ้น 5.3% และหุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ปรับขึ้น 2.2% หุ้นกรุ๊ปปอง อิงค์ ทะยานขึ้น 41% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทอาลีบาบา โฮลดิงส์ ได้เข้าซื้อหุ้น 5.6% ในกรุ๊ปปอง

หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.7% ขานรับรายงานที่ว่า สายการบินอิหร่านแอร์เตรียมสั่งซื้อเครื่องบินจากบริษัทโบอิ้ง ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นแม้ราคาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงก็ตาม โดยหุ้นเอนเนอร์จี คอร์ป ปรับขึ้น 0.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 17% และหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 5%

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ. ส่วนในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ จะมีการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนม.ค. และรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประจำวันที่ 26.27 ม.ค.

Back to top button