BH ร่วง 1% หลังรายได้ลด ฉุดกำไรไตรมาส 1/68 หดตัวแตะ 1.7 พันล้าน

BH ลบ 1% หลังรายงานกำไรไตรมาส 1/68 ลดลง 13% มาที่ 1.7 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้กิจการโรงพยาบาลปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ณ เวลา 10:11 น. อยู่ที่ระดับ 167.50 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 0.89% สูงสุดที่ระดับ 168.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 167.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50.06 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น BH ปรับตัวลดลงวันนี้ หลังรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 มีกำไรสุทธิปรับตัวลดลง ดังนี้

ทั้งนี้ บริษัทรายงานรายได้จากกิจการโรงพยาบาลในไตรมาส 1 ปี 68 อยู่ที่ 6,120 ล้านบาท ลดลง 6.1% จาก 6,516 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากรายได้ของกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่ลดลง 9.7% อันมีสาเหตุสืบเนื่องจากช่วงเดือนรอมฎอนในปีนี้ที่กินระยะเวลายาวนานกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยยังคงปรับเพิ่มขึ้น 1.2% ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยอยู่ที่ 36.1% ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็น 63.9% ของรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 68 เทียบกับ 33.5% และ 66.5% ตามลำดับในไตรมาส 1 ปี 67

ด้านต้นทุน บริษัทมีต้นทุนกิจการโรงพยาบาล (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) อยู่ที่ 3,040 ล้านบาท ลดลง 3.4% จาก 3,146 ล้านบาทในปีก่อน โดยเป็นผลจากค่าธรรมเนียมแพทย์ที่ลดลง 77 ล้านบาท และต้นทุนสินค้าที่ลดลง 20 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สัดส่วนต้นทุนกิจการโรงพยาบาลต่อรายได้รวมอยู่ที่ 49.7% เพิ่มขึ้นจาก 48.3% ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) ลดลง 5.7% อยู่ที่ 164 ล้านบาท จากเดิม 174 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลง 17 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย) เพิ่มขึ้น 8.7% อยู่ที่ 920 ล้านบาท จาก 846 ล้านบาท โดยเป็นผลจากต้นทุนบุคลากรที่ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่ผลจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง 12.6% มาอยู่ที่ 2,338 ล้านบาท จาก 2,676 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 67 โดยอัตรา EBITDA Margin อยู่ที่ 37.7% ลดลงจาก 40.7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 256 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 267 ล้านบาท ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงจาก 469 ล้านบาท เหลือ 400 ล้านบาท สะท้อนผลของกำไรทางภาษีที่ลดลง

ส่วนของกำไรสุทธิต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน บริษัทมีกำไร 2.18 บาท ลดลงจาก 2.50 บาทในไตรมาส 1 ปี 2567 ส่วนกำไรต่อหุ้นแบบปรับลดอยู่ที่ 2.00 บาท เทียบกับ 2.29 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

Back to top button