
WHA เด้ง 8% กวาดกำไร Q1 โต 52% แตะ 2.08 พันลบ. รับยอดขายที่ดินพุ่ง โบรกชูเป้า 4.50 บ.
WHA เด้ง 8% รับงบไตรมาส 1/68 กำไรโต 52% แตะ 2.08 พันลบ. เด่นจากดีมานด์คลังสินค้า-ขายที่ดิน 450 ไร่ให้ดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อม MOU กับบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 500 ไร่ โบรกแนะ “ซื้อ” ให้เป้า 4.50 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ณ 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 3.42 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 8.23% สูงสุดที่ระดับ 3.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.38 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 247.44 ล้านบาท
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2568 ว่า บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 5,193 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,075 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.05% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,364.92 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 5,181 ล้านบาท และกำไรปกติ 2,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปัจจัยที่ทำให้กำไรปกติมาจากการเติบโตของ 5 กลุ่มธุรกิจ
ธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,092,621 ตร.ม. สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ และส่วนแบ่งกำไรฯ และธุรกิจโมบิลิตี้ ทั้งสิ้น 533 ล้านบาท และไฮไลท์สำคัญในไตรมาสแรกมีโครงการที่ได้รับการคัดเลือก (Award) จากบริษัทค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านชั้นนำ ที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูงประเภท Built-To-Suit พื้นที่ราว 40,000 ตร.ม. เป็นมูลค่าสัญญากว่า 1,600 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง บนพื้นที่ประมาณ 35,000 ตร.ม. โดยเป็นการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิต/จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น และจากกรณีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ลูกค้ามีความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าสำรอง (Overflow) เพิ่มขึ้น ตอกย้ำความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
“บริษัทมุ่งขยายโครงการใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าเพิ่ม ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2 WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3 และ WHA Mega Logistics Center บางนาตราด กม. 23 Inbound รวมพื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม. ส่วนประเทศเวียดนาม บริษัทเปิดตัวศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์ แห่งแรกของ WHA ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน พื้นที่ 37,500 ตร.ม. และได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่ ซึ่งแผนการขยายดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
ขณะที่ทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ในปีนี้ บริษัทมีแผนการขายทรัพย์สินและ/หรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART รวมประมาณ 70,000 ตร.ม.มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยล่าสุดบอร์ดได้อนุมัติการขายสิทธิการเช่าและสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องของทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมให้กับกองทรัสต์ WHART เป็นพื้นที่รวม 32,524 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 808 ล้านบาท
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ไตรมาส 1/2568 มียอดขายที่ดิน จำนวน 876 ไร่ และยอด MOU อยู่ที่ 1,311 ไร่ และสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ดินและการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในไตรมาส 1/2568 รวม 3,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 69% มีสาเหตุหลักจากยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับราคาขายที่ดินในช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องกับการย้ายฐานการลงทุน/การผลิต (Relocation) มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้าที่สูงถึง 1,538 ไร่ สะท้อนถึงยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมใหม่ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้าดาต้าเซ็นเตอร์รายใหญ่ เพิ่มอีก 1 โครงการ พื้นที่ราว 450 ไร่ และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์จากประเทศอเมริกา จีน และยุโรป รวมถึงกลุ่มลูกค้าชั้นนำรายใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะบริษัทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ ที่มีแผนการตั้งฐานการผลิตในไทย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีการลงนาม MOU สำหรับการซื้อที่ดิน รวมกว่า 500 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ณ ไตรมาส 1/2568 WHA Group มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 16 แห่ง ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 9,681 ไร่ ล่าสุด มีการพัฒนาพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรม WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 (WHA ESIE 5) เฟส1 พื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ภายใต้แนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ “Smart Eco Industrial Estate” ที่มุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และการพัฒนาในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขณะที่ประเทศเวียดนาม มี 2 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง พื้นที่รวม 2,297 ไร่ และอีก 1 โครงการ มีขนาดพื้นที่ 1,094 ไร่ อยู่ระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตลงทุน โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม พื้นที่รวม 4,000 ไร่
ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ไตรมาส 1/2568 ผลประกอบการธุรกิจน้ำยังมีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง โดยรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคจากการดำเนินงานรวม เท่ากับ 747 ล้านบาท จากปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เท่ากับ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร
โดยแบ่งเป็นยอดจำหน่ายน้ำในประเทศไทย จำนวน 30.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดิบและน้ำเพื่ออุตสาหกรรมที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของลูกค้าใหม่ ขณะที่ยอดจำหน่ายน้ำในประเทศเวียดนาม ตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่การขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
ธุรกิจไฟฟ้า ไตรมาส 1/2568 บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เท่ากับ 132 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าจากการดำเนินงานเท่ากับ 176 ล้านบาท โดยธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไตรมาสแรก มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA เพิ่มจำนวน 15 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมจำนวน 305 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 980 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 704 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียน 176 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 277 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด
“ไตรมาสแรก บริษัทมีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 49 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้น 44% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโครงการระหว่างก่อสร้างที่คาดจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ กว่า 100 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีการลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้วทุกโครงการ”
ธุรกิจดิจิทัล บริษัทมุ่งยกระดับสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ พร้อมทั้งมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การพัฒนา โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ โดยบริษัทได้ตั้งเป้ายอดการใช้งาน แพลตฟอร์มที่ 900 คัน ภายในปี 2568 และได้เปิดให้บริการแอปพลิเคชัน WHASApp เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการติดต่อสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงาน WHA โดยบริษัทตั้งเป้าผู้ใช้งานภายในปีนี้ 4,000 ราย
ธุรกิจโมบิลิตี้ ไตรมาส 1/2568 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 360 คัน ทั้งนี้บริษัท เดินหน้าพร้อมให้บริการโมบิลิกส์ (Mobilix) ด้วยการสร้าง Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะ เพื่อตอบโจทย์การจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
“นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ WHA Group จ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 เพิ่มเติมอีก 0.1237 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ได้มีการขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้ ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท ขณะเดียวกัน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ A- แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2568 มูลค่าเสนอขาย 4,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.69% โดยมียอดจองล้นเกินเป้ากว่า 2 เท่า”
จากความมุ่งมั่นของบริษัท สะท้อนถึงความสำเร็จของ WHA Group ไตรมาสแรก จากการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติ ได้แก่ รางวัล “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2025” ประเภทอุตสาหกรรมขนส่ง และ โลจิสติกส์ ภายใต้แนวคิด “Beating the Unpredictable”
และ WHA Digital คว้า 4 รางวัล Healthy Organization Award 2024 จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ด้วยโครงการส่งเสริมสุขภาพพนักงาน ภายใต้แอปพลิเคชั่น WHAbit นอกจากนี้ Group CEO “คุณจรีพร จารุกรสกุล” ยังได้รับรางวัล The Best Woman Leadership – Visionary Leadership Award จากงาน Go Thailand Woman Run the World และรางวัล “สุดยอดนักบริหารแห่งปี 2024” จากโครงการ Thailand Top Vote ”
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังทาง WHAรายงานกำไรไตรมาส 1/68 น่าประทับใจที่ 2.075 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 66.5% จากไตรมาสก่อน) ขณะที่รายได้จากการขายที่ดินในนิคม ฯ พุ่งขึ้นที่ 3.45 พันล้านบาท ด้วย gross margin สูงที่ 62.8% โดยที่ WHA มียอดขายที่ดินสูง 876 ไร่ (เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน คิดเป็น 35% ของประมาณ การณ์ทั้งปีของฝ่ายวิเคราะห์ และ 37% จาก guidance ของบริษัท อีกทั้งมียอดโอนที่ดินดีสูง 843 ไร่ (เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 87% จากไตรมาสก่อน)
นอกจากนี้ WHA ยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) เพื่อขายที่ดินเพิ่ม อีก1.311 พันไร่โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/68 บริษัทมีที่ดินรอการโอน (backlog) และรับรู้รายได้คงค้างที่ 1.538 พันไร่ โดยล่าสุดไตรมาส 2/68 บริษัทได้ลงนาม MOU เพื่อขายที่ดินอีก 500 ไร่ในแง่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ทุนก็พุ่งขึ้นที่ 391 ล้านบาท จากการโอนที่ดินมากขึ้นในนิคม ฯ ของ WHA-IER
ทั้งนี้ ยอดขายและยอดโอน ที่ดินส่วนใหญ่ยังคงมาจากในไทย ส่วนธุรกิจนิคม ฯ ในเวียดนามยังซบเซา ท่ามกลางความตึงเครียดของ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในแง่บวกอีกด้าน สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายอยู่ต่ำ เกือบ 13% และต้นทุนการเงินที่ 334 ล้านบาท ก็สามารถควบคุมได้ดีทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ธุรกิจที่ไม่ใช่การขายที่ดินเติบโตไม่มาก ธุรกิจที่ไม่ใช่การขายที่ดินมูลค่า 1.25 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และ ทรงตัวจากไตรมาสก่อน) มาจากธุรกิจให้เช่าและ บริการ, ดิจิทัลและโมบิลิตี้รวมถึงธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ทางด้าน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่เกือบ 48% โดยทรงตัวจากงวดเดียวของปีก่อน ในบรรดาธุรกิจที่ไม่ใช่การขายที่ดิน ธุรกิจให้เช่าและบริการมีรายได้เติบโตดีที่ 25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน
นอกจากนั้น WHA ได้ลงนามสัญญาเช่าระยะยาวพื้นที่คลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ขนาด 4.0 หมื่นตร.ม. มูลค่า 1.6 พันล้านบาท และลงนามสัญญาเช่าระยะสั้นอีก3.50 หมื่นตร.ม. ในด้านธุรกิจไฟฟ้า และสาธารณูปโภคมีรายได้จากสาธารณูปโภคทรงตัวตามปริมาณการขายน้ำลดลง ในขณะที่ รายได้จาก ธุรกิจโซล่าร์เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่ผลงานของ WHA utilities&power (WHAUP.BK/WHAUP TB) ซึ่ง เป็นบริษัทย่อยของ WHA ชะลอตัวลงฉุดผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มธุรกิจนี้ลงด้วย ขณะนี้ รายได้ จากธุรกิจดิจิทัลและโมบิลิตี้ยังคงมีสัดส่วนน้อยมากโดยคิดเป็นน้อยกว่า 1% ของรายได้รวม ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 น่าจะดีกว่าครึ่งหลังของปี 2568 กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 คิดเป็น 42% ของประมาณการณ์ทั้งปีของเรา
ดังนั้น นักวิเคราะห์กำลังทบทวนประมาณการณ์ทั้งปีอย่างไรก็ดีผลการดำเนินงานในปีนี้น่าจะดีช่วงต้นปีดังนั้นไตรมาส 1/2568 อาจเป็นพีคไตรมาสของปีแล้ว Valuation & Action ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 4.50 บาท อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุของความไม่ แน่นอนจากสงครามการค้าโลก จำเป็นต้องทบทวนราคาเป้าหมายใหม่อีกครั้งหลังการประชุม นักวิเคราะห์ที่จะจัดขึ้นวันที่ 14 พ.ค. 68 นี้