7 หุ้นกลุ่มแบงก์วิ่ง! คลังจ่อคลอดเกณฑ์ “คุณสู้ เราช่วย” หนุน NPL ลด-ตั้งสำรองเบา

TTB บวก 3% นำทีม BBL- KTB- SCB- TISCO- KBANK- CREDIT ตอบรับข่างคลังเตรียมขยายเกณฑ์ “คุณสู้ เราช่วย” เพิ่มเพดานช่วยเหลือลูกหนี้-พักดอกเบี้ยนานขึ้น หนุนแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่มีแนวโน้มลดลง และระดับของ NPL ที่อาจจะลดลงหรือทรงตัว


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ ( 20 พ.ค.68) ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ณ เวลา 10:54 น. ตอบรับข่าวกระทรวงการคลังเตรียมขยายเกณฑ์โครงการ “คุณสู้เราช่วย นำโดย ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB อยู่ที่ระดับ 1.96 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 2.62% สูงสุดที่ระดับ 1.96 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.91 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 450.34 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL อยู่ที่ระดับ 146.50 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 2.45% สูงสุดที่ระดับ 147.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 143.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,578.82 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 22.30 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.36% สูงสุดที่ระดับ 22.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 22.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 690.77 ล้านบาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB อยู่ที่ระดับ 121.00 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.83% สูงสุดที่ระดับ 121.50  บาท ต่ำสุดที่ระดับ 120.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 803.83 ล้านบาท

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO อยู่ที่ระดับ 98.75 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 0.77% สูงสุดที่ระดับ 99.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 98.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 262.79 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK อยู่ที่ระดับ 164.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.61% สูงสุดที่ระดับ 165.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 163.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,178.76 ล้านบาท

ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT อยู่ที่ระดับ 19.30 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.52% สูงสุดที่ระดับ 19.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.11 ล้านบาท

นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า กระทรวงการคลัง เตรียมปรับเกณฑ์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งจะมีการปรับทั้งในส่วนของการเพิ่มเกณฑ์ค้างจ่ายหนี้เพียง 1 วัน สามารถพักดอกเบี้ยได้ 3 ปี และขยายเพดานการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นกลุ่มหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกันเพิ่มเป็น 10,000 บาท/บัญชี และลูกหนี้ที่มีหลักประกันที่เป็นหนี้เสียเพิ่มเป็น 30,000 บาท/บัญชี จากเดิมที่ 5,000 บาท/บัญชี และมีโอกาสที่ขยายโครงการต่อจากสิ้นสุด 30 มิ.ย.นี้ได้อีก

โดยปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยที่หนุนระยะสั้นต่อกลุ่มแบงก์ในเรื่องของแนวโน้มของคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่มีแนวโน้มลดลง และระดับของ NPL ที่อาจจะลดลงหรือทรงตัว ซึ่งช่วยเข้ามาชดเชยรายได้จากดอกเบี้ยที่ลดลง จากมาตรการดังกล่าวได้ ซึ่งการที่แบงก์มีคุณภาพสินทรัพย์ โดยเฉพาะการที่ลูกหนี้มีคุณภาพดีขึ้นก็ส่งผลบวกค่อนข้างมากต่อแบงก์

สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์ที่มองว่าได้รับประโยชน์ค่อนข้างมากจากการปรับเกณฑ์โครงการดังกล่าว โดยเฉพาะแบงก์ที่มีฐานลูกค้ากลุ่มที่มีลูกค้ารายย่อยที่เป็นสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน เช่น TTB, KTB และ SCB เป็นต้น

Back to top button