3 หุ้นโรงแรมวิ่ง! รับครม.ไฟเขียวไทยเป็นเจ้าภาพ F1 ใน กทม. 5 ปี หนุนยอดเข้าพักเพิ่ม

3 หุ้นโรงแรมวิ่ง! รับข่าว ครม. เห็นชอบให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่ง F1 กลางกรุงเทพฯ 5 ปี ดัน CENTEL–ERW–MINT วิ่งแรง รับอานิสงส์ท่องเที่ยวคึกคัก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 มิ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ณ เวลา 10:38 น. อยู่ที่ระดับ 23.90 บาท บวก 1.20 บาท หรือ 5.29% สูงสุดที่ระดับ 24 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 22.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61.19 ล้านบาท

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ที่ระดับ 1.94 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 2.65% สูงสุดที่ระดับ 1.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.89 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.93 ล้านบาท

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ที่ระดับ 23.60 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 2.61% สูงสุดที่ระดับ 23.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 87.23 ล้านบาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบนโยบายการเสนอตัวของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง (Formula One หรือ F1) เป็นระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2571 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้จัดการแข่งขันปีละ 3 วันต่อเนื่องจนถึงปี 2575

ทั้งนี้ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ครม. ได้อนุมัติในหลักการให้เดินหน้าโครงการดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้มีการศึกษาและพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมในลำดับต่อไป โดยไทยจะจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการเป็นเจ้าภาพ และใช้งบประมาณรวมประมาณกว่า 40,000 ล้านบาท แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องเสนอวงเงินจัดสรรเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในแต่ละปีเป็นรายครั้ง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุเพิ่มเติมว่า พื้นที่ในการจัดการแข่งขันจะอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยใช้เส้นทางบริเวณสวนจตุจักร ต่อเนื่องไปถึงสถานีกลางบางซื่อ คาดว่าจะส่งผลดีอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการจัดงานดังกล่าว

ทั้งนี้ มีการประเมินว่าการจัดงาน F1 จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นอีกราว 300,000 คนต่อปี หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นประมาณ 1% จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประจำปี และหากเทียบกับกรณีศึกษาของประเทศที่เคยจัดงาน เช่น สิงคโปร์ ซึ่งในปี 2022 สามารถสร้างรายได้รวมได้กว่า 3,500 ล้านบาทจากนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานกว่า 300,000 คน และเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่ในปี 2023 ทำรายได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือคิดเป็นกว่า 2,200 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานถึง 440,000 คน

ในด้านการประเมินผลกระทบต่อกลุ่มโรงแรม บริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการดังกล่าว ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL โดยมีการคาดการณ์ว่า ERW จะมีอัพไซด์ต่อกำไรสุทธิราว 0.12% และ CENTEL ที่ 0.02% ภายใต้สมมติฐานว่างานจะจัดขึ้นในช่วงกันยายนถึงตุลาคม ซึ่งตรงกับฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) อยู่ที่ราว 70-80% ทำให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มได้อีกราว 20% โดยอิงราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ที่ 3,000 บาท และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) เฉลี่ยที่ 10%

ในภาพรวม บล.ที่จัดทำบทวิเคราะห์ระบุว่า กลุ่มท่องเที่ยวยังได้รับปัจจัยบวกจากการเดินหน้าแผนจัด F1 แต่ระยะสั้นยังต้องเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งอาจกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและยุโรป

อย่างไรก็ดี หุ้นที่ถูกเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มคือ MINT (คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท) เนื่องจากมีมูลค่าซื้อขายที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดย MINT ซื้อขายที่ EV/EBITDA ปี 2025 ที่ระดับ 10 เท่า หรือ -2SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากนักท่องเที่ยวจีนน้อยกว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม และได้รับประโยชน์จาก High Season ในยุโรปช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้

Back to top button