
KTC เด้ง 1% จังหวะเก็บ! ยีลด์สูง 5% สำรองแน่น ลุ้นกำไร Q2 โตต่อเนื่อง
KTC ดีด 1% รับบิ๊กล็อต 243.6 ล้านหุ้น มูลค่า 5.6 พันลบ. นักวิเคราะห์มองบวก พื้นฐานแกร่ง-ยีลด์สูง 5% สำรองแน่น 385% ลุ้นกำไรไตรมาส 2/68 โตแตะ 1.9 พันล้านบาท ให้ราคาเป้าหมาย 41.25 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 24.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 0.83% สูงสุดที่ระดับ 24.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,375.77 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา หลังมีรายงานว่า พบการซื้อขายบิ๊กล็อตหุ้น KTC จำนวน 243.6 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 5,610.89 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่ 23.03 บาท
ด้าน นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS กล่าวว่า ราคาหุ้นเคทีซีที่ปรับลงมา เกิดจากการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับ Fundamental ของบริษัทแต่อย่างใด จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาวที่จะเข้าทยอยสะสม เนื่องจากงบการเงินของเคทีซีมีความแข็งแกร่ง เช่น Coverage Ratio ที่สูงถึง 385% อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยต่อปีขึ้นมาสูงกว่า 5%
“แนะนำซื้อสำหรับหุ้นเคทีซีหลังมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ด้วยราคาเป้าหมาย 40.00 บาท หุ้นมีอัพไซด์จากราคาปิดวานนี้ (24.00 บาท) ถึง 66%” นายกรภัทร กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน เผยว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ของเคทีซี คาดว่าจะอยู่ที่ 1,875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ +1% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการตั้งสำรองจะลดลง 6% เนื่องจากมีการตั้งสำรองล่วงหน้าไว้ค่อนข้างมาก รวมถึงการบริหารสินทรัพย์ได้ดี มี Gross NPL ทรงตัว ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2% ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2568 ซึ่งอยู่ที่ 1.97%
ส่วนแนวโน้มกำไรทั้งปี 2568 อยู่ที่ 7,525 ล้านบาท เพิ่ม 1.18% และทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่องอีกครั้ง
“เคทีซีมีจุดแข็งที่งบดุลแกร่งมาก การตั้งสำรองหนี้เสียสูงถึง 385% และยังได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง”
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ราคาหุ้นของเคทีซีที่ปรับลงมาในช่วงนี้ มาจากประเด็นส่วนตัวของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่ไม่ได้กระทบกับปัจจัยพื้นฐาน ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 คาดจะอยู่ที่ 1,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่ม 1% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการควบคุมค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับรายได้ที่เติบโตต่ำและการตั้งสำรองที่ทรงตัว
“ราคาหุ้นเคทีซีที่ปรับลงมาไม่สอดคล้องกับพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมองหุ้นเคทีซีมีความน่าสนใจจาก ROE ที่สูง และมี Coverage Ratio สูงกว่าค่าในอุตสาหกรรม และผลตอบแทนเงินปันสูงเกิน 5%” บล.หยวนต้า ระบุ
เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เผยว่า ราคาหุ้นเคทีซีที่ปรับลดลง ได้สะท้อนปัจจัยเฉพาะตัวด้านสภาพคล่องของกลุ่มนักลงทุนบางกลุ่มไปแล้ว รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจชะลอตัวและสินเชื่ออาจไม่ได้เติบโตตามเป้าหมาย ขณะที่ราคาหุ้นที่ลงมา สวนทางกับพื้นฐานของบริษัทฯ อย่างมาก โดยแนวโน้มผลประกอบการงวดไตราส 2/2568 คาดเคทีซีจะมีกำไรสุทธิ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนหนี้เสียยังควบคุมได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 2% ส่วนจุดเด่นของงบดุลอยู่ที่ Coverage Ratio ที่สูงถึง 375% และเป็นระดับแข็งแกร่งรองรับความเสี่ยงคุณภาพสินเชื่อได้ดี
ทั้งนี้ ได้ปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” จากมูลค่าหุ้นที่ปรับลงมา จนเกิดความน่าสนใจ ให้ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท โดยเคทีซียังมีระดับ D/E ที่ต่ำเพียง 1.6 เท่า ซื้อขายที่ P/BV ที่ 1.55 เท่า, P/E 8.25 เท่า และ ROE ที่สูงถึง 18%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับราคาเป้าหมายของหุ้นเคทีซีจาก 13 โบรกเกอร์ มีราคาสูงสุดที่ 53.00 บาท ต่ำสุด 29.00 บาท และมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 41.25 บาทต่อหุ้น
ขณะเดียวกัน วานนี้ เคทีซีได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับบิ๊กล็อตที่เกิดขึ้นวานนี้จำนวน 243.6 ล้านหุ้น ว่า ยังไม่ทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นที่จะเกิดขึ้น ส่วนธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 และโครงสร้างคณะกรรมการ โครงสร้างผู้บริหาร รวมถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง