
MINT ดีด 2% ลุ้นกำไร Q2 แตะ 3.5 พันล้าน รับไฮซีซัน “โรงแรมยุโรป” พ่วง Pop Mart โตกระโดด
MINT บวกแรง 2% รับแรงหนุนธุรกิจโรงแรมยุโรปเข้าสู่ High Season คาดกำไรไตรมาส 2/68 แตะ 3.5 พันล้าน ขณะเดียวกันคาดส่วนแบ่งกำไร Pop Mart Thailand โตกระโดดกว่า 350% โบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (17 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ณ เวลา 10:44 น. อยู่ที่ระดับ 25.50 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 2.41% สูงสุดที่ระดับ 25.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 339.62 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง MINT ยังคงประมาณการกำไรสุทธิหลักปี 68 อยู่ที่ 9.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าโมเมนตัมการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะต่อเนื่องไปในไตรมาส 2/68 จากการดำเนินงานโรงแรมที่แข็งแกร่ง โดย RevPAR โตในระดับ low single digit และยอดขายรวม (TSSG) ในหน่วยอาหารที่ดีขึ้นจากการขยายสาขา
นอกจากนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคาดว่าจะมีการชำระหนี้เพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 68 หลังจากอัตราส่วนหนี้สุทธิต่อทุน (net IBD/E) ลดลงมาอยู่ที่ 0.83 เท่าในไตรมาส 1/68 ซึ่งคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 0.7 เท่าภายในสิ้นปีหนุนโดยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและงบดุลที่แข็งแรง ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 38 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ MINT เข้าสู่ High season ธุรกิจโรงแรมในยุโรปของ MINT ในไตรมาส 2/68 และไตรมาส 3/68 ซึ่งตรงข้ามกับหุ้นโรงแรมที่เน้นในไทยเข้าสู่ Low season และไทยเผชิญปัญหานักท่องเที่ยวจีนลดลง ประกอบกับและคาดผลการดำเนินงานโรงแรมที่เกาะสมุยเด่นจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงกระแสซีรีย์ The White Lotus ทำให้ MINT มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่โตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม และ Valuation ของ MINT ยังไม่แพงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ล่าสุด JPMorgan ระบุว่าถึง Pop Mart Thailand มีการส่งสัญญาณกำไรเชิงบวก โดยคาดการณ์ว่ารายได้และกำไรหลังหักภาษีในครึ่งปีแรกของปี 68 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 200% และ 350% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ซึ่งบ่งชี้ว่ามาร์จิ้นกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกของปี 68 อาจปรับตัวดีขึ้นประมาณ 10 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 32%
โดย Pop Mart ให้เหตุผลว่าการเติบโตอย่างเข้มแข็งของรายได้ในครั้งนี้เกิดจาก 1.) การที่แบรนด์ Pop Mart และไอพี (IPs) ได้รับการยอมรับในระดับโลกมากขึ้น 2.) การกระจายหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และ 3.) รายได้ของทุกตลาดภูมิภาคมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
สำหรับ MINT ถือหุ้นอยู่ 42% ใน Pop Mart Thailand ซึ่งมีสัดส่วนสร้างกำไรหลักต่อ MINT คิดเป็นราว 8% ทั้งนี้จะส่งผลหนุนมุมมองเชิงบวกต่อกำไรหลักของ MINT ที่คาดการณ์ว่าจะทำสถิติแตะระดับ 3.5 พันล้านบาทในไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ ปัจจัยหนุนหลักมาจากความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของพอร์ตโรงแรมในยุโรป ซึ่งชดเชยความท้าทายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สัญญาณบริโภคที่อ่อนแรงในประเทศไทยและจีน รวมถึงแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน
ทั้งนี้ หากมีการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ (Monetization) ให้กับ Pop Mart Thailand ได้สำเร็จ จะเป็นแรงเร่งให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (De-leveraging) ลดลงได้เร็วกว่ากรอบเป้าหมายที่ 0.75 เท่าภายในสิ้นปี 68 (เทียบกับระดับปัจจุบันที่ 0.83 เท่า)