
THAI บวกต่อ 2% นักลงทุนเชื่อมั่นหลังฟื้นฟูกิจการ ลุ้นเข้า SET50 รอบหน้า-จ่ายปันผล
THAI บวกต่อ 2% นักลงทุนมั่นใจแนวโน้มแกร่ง จับตาเข้าคำนวณ SET50 รอบหน้า ลั่นเป้ารายได้ 400,000 ล้านบาทในปี 2576 หลังเสริมฝูงบินครบ 150 ลำ พร้อมเดินหน้ายื่นข้อเสนอโครงการศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา ก.ย.นี้ ขณะโบรกฯ คาดจ่ายปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ย้ำชัดนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ส.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 10.70 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.90% สูงสุดที่ระดับ 10.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 716.06 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้น THAI ปรับตัวขึ้นต่อจากเมื่อวาน (4 ส.ค. 2568) หลังกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก หลังจากประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ ราคาเปิดการซื้อขายวันแรกอยู่ที่ 10.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 134.4% จากราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 4.48 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเกือบ 3 แสนล้านบาท โดยราคาหุ้นมาปิดตลาดที่ระดับราคา 10.50 บาท ระหว่างวันราคาปรับตัวแตะ 11.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 5,215 ล้านบาท
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ THAI เปิดเผยว่า จากราคาเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกของ THAI วานนี้ เป็นราคาที่น่าภาคภูมิใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อ THAI หลังจากที่ THAI ประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการและปัจจุบันมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก โดยภารกิจจากนี้ คือการต่อยอดการดำเนินงานจากแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งที่ผ่านมา THAI ได้บริหารจัดการดีมากโดยเฉพาะเรื่องต้นทุนการดำเนินงาน การปรับโครงสร้างทุน และโครงสร้างทางการเงิน เหลือเพียงการจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมที่เตรียมทยอยรับมอบเท่านั้น ซึ่งหาก THAI มีเครื่องบินเพิ่มขึ้นก็จะสามารถสร้างรายได้ให้สูงขึ้นด้วย
ส่วนแผนการจ่ายปันผล THAI โดยหลักการแล้ว หากผลประกอบการมีกำไรก็จะต้องมีการพิจารณาเรื่องจ่ายปันผล ซึ่ง THAI มีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิ ก็ต้องรอดูผลประกอบการของ THAI ทั้งปี 2568 รวมทั้งราคาหุ้นนับจากนี้ต่อไป
:เตรียมเข้าคำนวณ SET50
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI มั่นใจว่าหุ้น THAI จะได้อยู่ใน SET50 สะท้อนความมั่นใจต่อแนวโน้มการเติบโตและผลประกอบการในระยะยาว โดยวางเป้าหมายรายได้ 4 แสนล้านบาท ภายในปี 2576 ซึ่งสอดคล้องกับการมีฝูงบินครบ 150 ลำ
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าคำนวณในดัชนี SET50 สำหรับช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ปี 2569 ในปลายปีนี้
โดยในการจัดหาเครื่องบินของ THAI นั้น จะไม่มีภาษีนำเข้าอยู่แล้ว เนื่องจาก THAI ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มาโดยตลอด และแผนการจัดหาเครื่องบินของ THAI ได้ข้อยุติไปตั้งแต่ปี 2567 จึงไม่เกี่ยวกับการยกเว้นภาษีนำเข้าให้กับสหรัฐอเมริกา ในการเจรจาของทีมไทยแลนด์ ซึ่งตามแผนการจัดหาเครื่องบินของ THAI นั้น ในปี 2576 THAI จะมีฝูงบินรวม 150 ลำ จากปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 THAI มีฝูงบินรวม 78 ลำ จะทำให้ THAI มีรายได้เพิ่มเป็น 400,000 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นเปิดตลาดวานนี้ (4 ส.ค.) ยอมรับว่าเหนือความคาดหมาย แต่ไม่สูงเกินไปหากเทียบกับอุตสาหกรรมการบินในปัจจุบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าผลการดำเนินงานของ THAI มิได้ด้อยกว่าสายการบินอื่น ซึ่งหากนับย้อนหลังตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 ไป 10 ไตรมาส THAI ก็มีกำไรมาโดยตลอด ประกอบกับช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมมากของ THAI ที่กลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์อีกครั้งวานนี้ และอยากให้นักลงทุนมองว่าหุ้น THAI เป็นหุ้นที่ควรลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment : VI) เพราะจากนี้ THAI จะมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องหลังจากมีการปรับโครงสร้างภายใน มีการควบคุมต้นทุนเป็นอย่างดี และมีแผนจัดหาฝูงบินเพิ่มเพื่อสร้างรายได้เพิ่มด้วย
นายชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการปี 2568 จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจากช่วงครึ่งแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2568) เป็นไปตามเป้าหมายแล้ว ขณะช่วงครึ่งหลัง (ก.ค.-ธ.ค. 2568) มียอดจองตั๋วล่วงหน้าอยู่ในระดับที่ดีใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้หากบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นบวก ก็จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนได้ โดยอย่างต่ำจะคิดเป็น 25% ของกำไรสุทธิ
ด้านความคืบหน้าลงทุนโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภานั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ส่งหนังสือเชิญมายัง THAI แล้ว เพื่อให้ไปยื่นข้อเสนอภายในเดือนกันยายน 2568 และคาดว่าน่าจะได้เริ่มการก่อสร้างในปี 2570 วงเงินลงทุนอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
สำหรับการร่วมมือกับบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA น่าจะอยู่ในรูปแบบการแบ่งพื้นที่พัฒนา มิใช่การร่วมลงทุน โดยพื้นที่ MRO ท่าอากาศยานอู่ตะเภามีทั้งหมด 210 ไร่ จะมีการจัดสรรให้ BA ประมาณ 30 ไร่ ส่วนที่เหลือ THAI จะเป็นผู้บริหารจัดการ เนื่องจากมีฝูงบินมากกว่า BA
: ลุ้นปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดว่าการบินไทยจะจ่ายปันผลงวดปี 2568 ประมาณ 0.25 บาทต่อหุ้น จำนวน 2.8 หมื่นล้านหุ้น เป็นจำนวนเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า หากพิจารณาตามงบการเงินของ THAI ขณะนี้ THAI มีความสามารถในการจ่ายปันผลแน่นอน เพราะได้ทำการล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว ซึ่งหากคำนวณตามนโยบายการจ่ายปันผลของ THAI ที่ไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิในปี 2568 คาดว่า THAI จะจ่ายปันผลที่ 0.25 บาทต่อหุ้น โดยต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ THAI
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2568 (เม.ย.-มิ.ย. 2568) THAI จะแจ้งต่อ ตลท.วันที่ 4 สิงหาคมนี้ โดยประเมินว่า THAI จะมีรายได้ 45,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,500 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะแนวโน้มการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3/2568 (ก.ค.-ก.ย. 2568) ดีกว่าไตรมาส 2/2568 แล้ว ขณะที่ช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นทุกปีของ THAI
ทั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเมินว่าผลประกอบการทั้งปี 2568 THAI จะมีรายได้ 1.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก THAI มีรายได้ที่ 90,000 ล้านบาทแล้ว และจากการประเมินแนวโน้มการดำเนินงาน THAI ขณะนี้ ยังมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปีจะเป็นไปตามที่บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า คาดการณ์ไว้