KLINIQ เด้ง 3% ลุ้นงบ Q3 โตต่อรับดีมานด์พุ่ง ดันรายได้ปีนี้แตะ 3.5 พันล้าน

KLINIQ บวก 3% ผู้บริหารมั่นใจผลงานไตรมาส 3/68 เติบโตต่อ หลังลูกค้ากลับมาใช้บริการเพิ่ม พร้อมคงเป้ารายได้ปี 68 แตะ 3.5 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ณ เวลา 14.41 น. อยู่ที่ระดับ 25.25 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 2.64% สูงสุดที่ระดับ 25.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 14.23 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง KLINIQ หลังการประชุม Opportunity Day ถึงผลการดำเนินงานโดยมีภาพรวมเป็นบวกเล็กน้อย ซึ่งผู้บริหารยังคงตั้งเป้ารายได้เงินสด (Cash Sales) ปี 2568 ไว้ที่ 3.5 พันล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ระดับ 12% พร้อมคาดว่ารายได้เงินสดในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จะสูงกว่าครึ่งปีแรก พร้อมกับยังตั้งเป้าปิดสาขาปีละ 10 แห่ง โดยในไตรมาส 3 ปี 2568 จะเปิด 4 แห่ง และไตรมาส 4 ปี 2568 เปิด 1 แห่ง

ในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทมีรายได้เงินสด (Cash Sales) อยู่ที่ 855 ล้านบาท โดยแนวโน้มในเดือนกรกฎาคมยังคงแข็งแกร่ง และมีโอกาสที่รายได้เงินสดในไตรมาส 3/2568 จะสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า ผู้บริหารระบุว่าจำนวนลูกค้าเริ่มกลับมาใช้บริการมากขึ้น หลังจากสถานการณ์ แผ่นดินไหว คลี่คลาย

ส่วนอัตรากำไร (Margin) ที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2568 มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละสาขา ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ควบคู่กับการบริหารค่าใช้จ่าย SG&A อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการใช้จ่ายด้านการตลาดให้คุ้มค่า พร้อมทั้งปรับโครงสร้างค่าคอมมิชชั่น (Commission) ให้เหมาะสม

ขณะที่ บริษัทยังไม่มีกำหนดการเปิด โรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งใหม่ ปัจจุบันเพิ่ม Capacity ห้องผ่าตัดจากการเช่าพันธมิตร  Utilization rate รวมอยู่ที่ 55% ด้าน ธุรกิจศัลยกรรม อัตรากำไร (Margin) ในไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับตัวลดลง จากสัดส่วนรายได้ที่มาจากบริการศัลยกรรมหน้าอกเพิ่มขึ้น ซึ่งมี Margin ต่ำกว่าบริการประเภทอื่น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนปรับโครงสร้างบริการให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มอัตรากำไรในอนาคต

ทั้งนี้ รายได้เงินสด (Cash Sales) ของแบรนด์ KLINIQUE ในไตรมาส 2 ปี 2568 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากปัจจัยการปรับลด incentive ของพนักงานขาย อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารคาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2568

ในส่วนของประเด็นลูกค้าจากกัมพูชา บริษัทชี้แจงว่าไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน เนื่องจากมีสัดส่วนที่น้อยมาก ขณะที่รายได้จากลูกค้าต่างประเทศโดยรวมคิดเป็นประมาณ 14-15% ของรายได้รวม

ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 24.30 บาท อย่างไรก็ตามแนวโน้มยอดขายเงินสดในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ยังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหารยังคงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายทั้งปีที่ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิจัยที่คาดไว้ราว 3.2 พันล้านบาท

Back to top button