BGRIM ดีด 2% หลังผนึก “ดิจิทัล เอดจ์” รุกดาต้าเซ็นเตอร์ 2.4 หมื่นล้าน

BGRIM บวก 2% หลังผนึก “ดิจิทัล เอดจ์” ลงทุนโครงการศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ ไฮเปอร์สเกล ขนาด 100 เมกะวัตต์ มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท พื้นที่ EEC จ.ชลบุรี ตั้งเป้าเปิดบริการเฟสแรก 48 เมกะวัตต์ ภายในไตรมาส 4/69


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (5 ก.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 10.01 น. อยู่ที่ระดับ 12.80 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.40% สูงสุดที่ระดับ 12.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.46 ล้านบาท

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม BGRIM เปิดเผยว่า BGRIM ร่วมกับบริษัท ดิจิทัล เอดจ์ (สิงคโปร์) โฮลดิ้งส์ จำกัด (Digital Edge) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำระดับเอเชีย ได้ร่วมทุนในนาม บริษัท ดิจิทัล เอดจ์ บี.กริม (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมพิธีตอกเข็มฤกษ์โครงการพัฒนาศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกล ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดชลบุรี มูลค่าการลงทุนกว่า 24,520 ล้านบาท

โดยศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์เฟสแรกนี้ เป็นการเริ่มต้นก่อสร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 100 เมกะวัตต์ ซึ่งมีเป้าหมายจะเปิดให้บริการเฟสแรก 48 เมกะวัตต์ในไตรมาส 4/2569 โดยให้บริการครอบคลุมทั้งในส่วนของโลเคชั่นความหนาแน่นสูง การเชื่อมต่อระหว่างศูนย์

รวมถึงคลาวด์โซลูชันแบบผสมผสานเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มไฮเปอร์สเกล และกลุ่มธุรกิจ AI รวมถึงองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ดิจิทัล พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับผู้ให้บริการ AI และ Cloud ที่ต้องการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสมรรถนะสูงของประเทศไทย ตลอดจนเป็นมาตรฐานใหม่ด้านความยั่งยืนในภูมิภาค

“พิธีตอกเข็มฤกษ์โครงการพัฒนาศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกลครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการนำวิสัยทัศน์ของบี.กริมเพาเวอร์ และดิจิทัล เอดจ์ มาสู่การลงมือจริง โดยโครงการนี้ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก แต่ยังจะช่วยขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัลของไทย และส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางดิจิทัลชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย” นายฮาราลด์ กล่าว

นายจอห์น ฟรีแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ดิจิทัล เอดจ์ กล่าวว่า ดิจิทัล เอดจ์ ร่วมกับ BGRIM พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะสามารถรองรับเทคโนโลยี AI ได้อย่างยั่งยืน ในระดับขนาดและความเร็วที่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของลูกค้าและความต้องการของภูมิภาค เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงของประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้าน AI และ Machine Learning ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกล เริ่มต้นก่อสร้างอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยการออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงเป็นพิเศษ มีค่า PUE (Power Usage Effectiveness) ต่ำตามมาตรฐานสากลของศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำของโลก โดยบริษัทและทีมที่ปรึกษาชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาต้าเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นมาตรฐานระดับโลกในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า เพื่อมอบโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีเสถียรภาพ และรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างมั่นคง

โดยมีเป้าหมายจะเปิดให้บริการเฟสแรกในไตรมาส 4/2569 ด้วยการสนับสนุนจากพอร์ตพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ของ บี.กริม เพาเวอร์ เชื่อมั่นได้ว่า เมื่อแล้วเสร็จศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้จะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้การพัฒนาและการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระดับไฮเปอร์สเกล (AI-at-scale) มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ยังถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับเลขสองหลัก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุน สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้ใช้งานทั่วโลก ทั้งนี้พลังงานสะอาด ผ่าน Direct PPA สำหรับกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ จะเป็นกลไกหลักที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และสนับสนุนความยั่งยืน หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างทันท่วงที จะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันและสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

โดยความร่วมมือนี้เป็นหนึ่งในสามเสาหลัก ที่จะต่อยอดวางรากฐานในอนาคตที่เรียกว่า “Digital Infrastructure as a Service” หรือระบบโครงสร้างดิจิทัลครบวงจรแบบพร้อมใช้งาน ประกอบด้วย 1) Data Center ที่เริ่มต้นจากการสร้างศูนย์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ 2) Energy Platform-as-a-Service การมีบริการด้านพลังงานที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ Data Center และอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เช่น สามารถรวมแหล่งพลังงานหลายรูปแบบ มีระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) และมีระบบจัดการพลังงานให้ใช้ไฟอย่างคุ้มค่าและประหยัดที่สุด

3) Industrial Digital Services บริการเสริมสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ช่วยให้โรงงานหรือธุรกิจที่มีอยู่เดิม มีระบบการทํางานอัจฉริยะขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลในโรงงานด้วยเทคโนโลยี หรือระบบบริหารจัดการ เมื่อรวมทั้ง 3 เสาหลักนี้เข้าด้วยกัน จะไม่เพียงเป็นการสร้างบริการดิจิทัล แต่ยังเป็นการยกระดับสู่ระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในเวทีโลก

Back to top button