
BGRIM วิ่ง 2% รับข่าวคว้าโครงการ “โซลาร์มาเลย์” 2 โปรเจกต์ 618 MW มูลค่าหมื่นล้าน
BGRIM บวก 2% หลังคว้าโซลาร์ฟาร์ม 2 โครงการใหญ่มาเลเซีย 618 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เป้าหมายขายไฟเข้าระบบภายใน พ.ย. 70 ตามสัญญาระยะยาว 21 ปี ก้าวสู่ผู้นำพลังงานหมุนเวียนมาเลเซีย
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (8 ก.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 10.06 น. บวก 13.30 บาท หรือ 0.30 บาท หรือ 2.31% สูงสุดที่ระดับ 13.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70.26 ล้านบาท
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม BGRIM เปิดเผยว่า บริษัท reNIKOLA Holdings Sdn Bhd (reNIKOLA) บริษัทผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนเต็มรูปแบบในมาเลเซีย โดย BGRIM เป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์รายใหญ่ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 45% ล่าสุด reNIKOLA คว้าสิทธิ์ในการดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 618 เมกะวัตต์ ภายใต้โครงการ Large Scale Solar 5+ (LSS 5+) หนึ่งในโครงการสำคัญตามแผนปฏิบัติการเปลี่ยนผ่านพลังงานแห่งชาติ (National Energy Transition Roadmap: NETR) ของรัฐบาล ส่งให้ reNIKOLA ก้าวสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านพลังงานหมุนเวียนของมาเลเซีย
สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 618 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (MW PPA) 400 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย 2 โครงการในเขตเคมามัน (Kemaman) รัฐตรังกานู (Terengganu) ได้แก่ 1) โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 386 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (MW PPA) 250 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มบริษัท reNIKOLA บริษัท RE Chenderong Sdn Bhd และบริษัท Anglo-Eastern Plantations Management Sdn Bhd 2) โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 232 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (MW PPA) 150 เมกะวัตต์ ดำเนินการโดย บริษัท Antara Hijauan Sdn Bhd บริษัทย่อยที่ reNIKOLA ถือหุ้นทั้งหมด ร่วมกับ Anglo-Eastern
ขณะที่ ทั้งสองโครงการดังกล่าว มีกำหนดแล้วเสร็จและเริ่มเดินระบบในเดือนพฤศจิกายน 2570 โดยพลังงานสะอาดที่ผลิตได้จะถูกจ่ายเข้าสู่ระบบไฟฟ้าของประเทศมาเลเซียต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 21 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงกว่า 1,300 ล้านริงกิตมาเลเซีย หรือเกือบ 1 หมื่นล้านบาท และจะทำให้เกิดการจ้างงานใหม่หลายร้อยตำแหน่ง อีกทั้งยังส่งผลให้รัฐตรังกานูก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy Hub) แห่งใหม่ที่น่าจับตาของประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ การได้รับสิทธิ์ดำเนินโครงการใหญ่ของรัฐบาลมาเลเซียในครั้งนี้ คือความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจของ reNIKOLA และยังเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเติบโตของ BGRIM ซึ่งมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืนมาตลอด บริษัทภูมิใจที่ได้สนับสนุนมาเลเซียบนเส้นทางสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และที่สำคัญคือโครงการนี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศมาเลเซีย ยังตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ BGRIM ที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
ปัจจุบัน BGRIM มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 4,155 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว โดยมีเป้าหมายขยายกำลังผลิตไฟฟ้าให้ได้ 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 โดยการร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจการเกษตรในการขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียน การใช้ที่ดินอย่างรับผิดชอบ และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ตลอด จนแสดงให้เห็นว่าธุรกิจดั้งเดิมกับผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนสามารถทำงานร่วมกันเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของมาเลเซียได้
นาย Boumhidi Adel กรรมการผู้จัดการ reNIKOLA Holdings Sdn Bhd กล่าวว่า การได้รับสิทธิ์พัฒนาโครงการนี้ ไม่เพียงเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของ reNIKOLA ยังเป็นแรงขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจสีเขียวของรัฐตรังกานู ที่ชี้ให้เห็นว่า พลังงานสะอาด เศรษฐกิจ การดูแลสิ่งแวดล้อม สามารถเติบโตไปด้วยกันและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงได้
นอกจากนี้ เพื่อสร้างแนวทางใหม่ให้พลังงานหมุนเวียนและความหลากหลายทางชีวภาพเติบโตไปด้วยกันได้ reNIKOLA และบี.กริม เพาเวอร์ ได้จัดตั้งมูลนิธิอนุรักษ์ช้าง (Elephant Sanctuary Foundation) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 618 เมกะวัตต์ด้วย เพื่อปกป้องสัตว์ป่าหายากและส่งเสริมสมดุลทางนิเวศ
โดยมีการสร้าง “เส้นทางอาหารช้าง” (Elephant Food Corridor) ด้วยการปลูกหญ้าเนเปียร์ ไผ่ และกล้วย เพื่อเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืนและช่วยกำหนดเส้นทางการเคลื่อนที่ของช้างป่าอย่างปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง เพิ่มการตระหนักรู้ด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยหวังให้โครงการนี้เป็นต้นแบบใหม่ของการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล
ขณะที่ราคาหุ้น BGRIM เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน มาปิดที่ 13.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.0% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 325 ล้านบาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 15.32 บาท จาก 11 โบรกเกอร์