
GULF-BGRIM-PTT-THAI วิ่งคึก! รับอานิสงส์บาทแข็งรอบ 4 ปี
GULF-BGRIM-PTT-THAI วิ่งคึก! รับอานิสงส์เงินบาทแข็งค่าในรอบ 4 ปี แตะ 31.60 บาทต่อดอลลาร์ โบรกประเมินหุ้นพลังงาน–โรงไฟฟ้า–สายการบิน ได้อานิสงส์ FX gain มากสุด ขณะที่กลุ่มอาหาร–อิเล็กทรอนิกส์ยังถูกกดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(9 ก.ย.68)กลุ่มหุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่าในรอบ 4 ปี บวกคึก นำโดย บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 12:08 น.อยู่ที่ระดับ 46.00 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.66% ราคาสูงสุด 46.50 บาท ราคาต่ำสุด 45.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 975.25 ล้านบาท
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 12:08 น.อยู่ที่ระดับ 13.50 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 5.47% ราคาสูงสุด 13.70 บาท ราคาต่ำสุด 13.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 438.87 ล้านบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ณ เวลา 12:08 น.อยู่ที่ระดับ 14.00 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.72% ราคาสูงสุด 14.20 บาท ราคาต่ำสุด 13.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 367.96 ล้านบาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ณ เวลา 12:09 น.อยู่ที่ระดับ 32.25 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.57% ราคาสูงสุด 32.50 บาท ราคาต่ำสุด 31.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1,892.95 ล้านบาท
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 12:10 น.อยู่ที่ระดับ 34.00 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.74% ราคาสูงสุด 34.25 บาท ราคาต่ำสุด 33.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 299.04 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เงินบาทเช้านี้แตะ 31.60 บาท แข็งค่ามากสุดใน 4 ปี หนุนจิตวิทยาบวก Fund Flows ต่อ SET และหุ้นกลุ่มพลังงาน, สายการบิน, นำเข้า (สื่อสาร, Consumer IT) และโรงไฟฟ้า
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทิศทางค่าเงินบาทเช้าวันนี้( 9 ก.ย.68 ) เคลื่อนไหวที่ระดับ 31.69 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่ามากสุดในรอบ 4 ปี หรือแข็งค่าแล้วราว 2.2% นับตั้งแต่ต้นไตรมาสปัจจุบัน (QTD) สาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ จากกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน ประกอบกับราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
โดยประเมินหุ้นที่จะได้-เสียประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าโดยอุตสาหกรรมและหุ้นอื่นๆ ที่จะได้รับผลบวกจาก “ค่าเงินบาทแข็งค่า” ได้แก่
1) กลุ่มสายการบิน THAI, AAV, BA มีสัดส่วนค่าใช้จ่าย (ค่าน้ำมัน, ค่าเช่า เครื่องบิน, ค่าซ่อมแซม) ที่เป็น USD จะสูงกว่ารายได้ (การขายตั๋วเครื่องบินใน ต่างประเทศ) เล็กน้อย
2) กลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้มีการบันทึก unrealized fx gain เข้ามา อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวเป็นเพียงรายการ ทางบัญชีและไม่ได้มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ทั้งนี้หุ้นที่มี impact จาก ประเด็นดังกล่าวประกอบด้วย GULF, BGRIM, GPSC
3) กลุ่มพลังงาน เนื่องจากมี Positive net exposure ต่อการเคลื่อนไหวของ สกุลเงินดอลลาร์ต่อสกุลเงินบาทจากการมีเงินกู้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผล ให้อาจจะมีการบันทึก unrealized fx gain สำหรับ TOP, PTTGC ขณะที่ ผลกระทบต่อ PTTEP และ SPRC น่าจะมีจำกัดเพราะมีการใช้ USD เป็น functional currency ( – )
อย่างไรก็ตามบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินหุ้นและมีโอกาส Outperform SET ได้แก่ AAV, BGRIM และ TOP
โดย AAV มีหนี้เงินกู้ดอลลาร์สหรัฐราว 1 พันล้านดอลลาร์ ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะหนุน FX gain หลังหักภาษีราว 800 ล้านบาท แม้ค่าใช้จ่ายสกุลดอลลาร์จะสูงกว่ารายได้เล็กน้อย
ขณะที่ BGRIM (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท) มีหนี้ดอลลาร์ราว 250 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าทุกๆ 1 บาท จะหนุนกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 250 ล้านบาท
ส่วน TOP (แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 33 บาท) มีหนี้เงินกู้ดอลลาร์สัดส่วน 67% ของหนี้รวม และมีหุ้นกู้ดอลลาร์คงเหลือ 1,194 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะสร้าง FX gain ราว 1,194 ล้านบาท (ไม่รวมผลการทำ Hedging และ Natural Hedge)
ส่วนอุตสาหกรรมและหุ้นอื่นๆ ที่จะเสียประโยชน์จาก “ค่าเงินบาทแข็งค่า” ได้แก่
1) กลุ่มอาหาร เนื่องจากมีรายได้ส่วนใหญ่จากต่างประเทศ โดยเรียงล าดับทุก การอ่อนค่า 1 บาทจะส่งผลต่อกำไรลดลง SUN ลดลง 8%, ITC ลดลง 8%, TU ลดลง 7%, AAI ลดลง 6%, SAPPE ลดลง 5%
2) กลุ่มอิเลกทรอนิกส์ เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก ต่างประเทศ โดยเรียงลำดับทุกการอ่อนค่า 1 บาทจะส่งผลต่อกำไรลดลง KCE ลดลง 6% และ HANA ลดลง 5%
3) อุตสาหกรรมอื่น ที่ได้ผลกระทบเชิงลบจากค่าเงินบาทแข็งค่า เนื่องจากมี รายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก ได้แก่ SAV มีรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเงินสกุล USD ประเมินทุกๆ 1 บาทที่ แข็งค่าทำให้กำไรลดลง 3% ส่วนPRM มีรายได้และค่าใช้จ่ายเป็นเงินสกุล USD ใกล้เคียงกัน ประเมินทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าทำให้กำไรลดลง 2-3%