
SGC บวก 1% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 1.54 บาท ลุ้นกำไร Q3 โตแกร่ง รับดีมานด์สินเชื่อไอโฟนพุ่ง
SGC บวก 1% ลุ้นกำไรไตรมาส 3/68 โตแกร่ง โมเดล Lock Phone และสินเชื่อ iPhone ดันฐานรายได้ พร้อมมาตรการ Quick Win กระตุ้นกำลังซื้อ ด้านโบรกชี้กำไรปี 68 แตะ 453 ล้านบาท โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.54 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (25 ก.ย.68) ณ เวลา 15.30 น. ราคาหุ้น บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC บวก 1.14 บาท หรือ 0.88% สูงสุดที่ระดับ 1.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.11 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25.39 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา โดยผู้บริหารคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากความต้องการสินเชื่อที่ยังเร่งตัว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เช่าซื้อมือถือในรูปแบบ “ล็อกโฟน” อีกทั้งบริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงเดินหน้าผลักดันโมเดล Lock Phone ในเชิงรุก เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ควบคู่กับการขยายแบรนด์ด้านสินเชื่อที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างทดสอบระบบ Sandbox ภายใต้โครงการ SG Finance+ เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อสำหรับ “iPhone” ซึ่งจะเป็นการต่อยอดจากเดิมที่โฟกัสเฉพาะมือถือระบบแอนดรอยด์ โดยคาดว่าจะได้เห็นทิศทางที่ชัดเจนของการขยายพอร์ตดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SGC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 1.54 บาท หลังจากล่าสุดสมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้เสนอมาตรการเร่งด่วน (Quick Win) ต่อรัฐบาลใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วย 3 แนวทางหลัก
ได้แก่ Spending Boost กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วง 3 เดือน เช่น โครงการคนละครึ่ง ที่เสนอให้ครอบคลุมทุกร้านค้า และเพิ่มวงเงินต่อวันจาก 150 บาท เป็น 300 บาท, Easy e-Receipt กำหนดวงเงิน 100,000 บาทต่อคน ครอบคลุมสินค้าทั่วไปและ OTOP เป็นเวลา 3 เดือน และ Shopping Paradise เสนอการลดภาษีนำเข้าสินค้า Life style จาก 20-30% เหลือ 10-15% เพื่อลดช่องว่างกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง ซึ่งเก็บภาษี 0% พร้อมคืน VAT 7% สำหรับการซื้อสินค้าขั้นต่ำ 3,000 บาท และขยายเวลาวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียจาก 30 วัน เป็น 45-60 วัน
นอกจากนี้ มาตรการยังครอบคลุมการจ้างงานรายชั่วโมง เพื่อแก้ปัญหาว่างงานของนักศึกษา แรงงานนอกระบบ และผู้สูงอายุ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารต้นทุนได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในโครงการ Easy e-Receipt ซึ่งครั้งนี้มีวงเงินและระยะเวลามากกว่าครั้งก่อน (100,000 บาท ระยะเวลา 90 วัน จากเดิม 50,000 บาท ระยะเวลา 45 วัน) ที่ผ่านมาเคยมีประชาชนเข้าร่วมโครงการกว่า 1.4 ล้านคน ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน 5-7 หมื่นล้านบาท และช่วยสนับสนุน GDP ได้ 0.1-0.2% จากปัจจัยดังกล่าว
ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่และฤดูจับจ่ายใช้สอย ฝ่ายวิเคราะห์จึงมองว่าโมเมนตัมของ SGC ในช่วงที่เหลือของปี 2568 จะสดใสมากขึ้น และผลักดันธุรกิจให้พลิกฟื้น โดยคาดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้ที่ระดับ 453 ล้านบาท