
สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้
สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 11 มี.ค.59
– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.84 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.28 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1105 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1181 ดอลลาร์/ยูโร
– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,393.41 จุด เพิ่มขึ้น 14.35 จุด หรือ 1.04% มูลค่าการซื้อขาย 49,374.08 ล้านบาท
– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 161.11 ล้านบาท (SET+MAI)
– นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ตามที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงนั้นไม่น่าจะมีผลกระทบต่อไทยมากนัก ส่วนที่จะมีผลทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าไทยและในภูมิภาคมากขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ดี เห็นว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่าหากเป็นการตัดสินใจดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
– นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง เชื่อว่า การที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งมีผลให้อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรเข้าสู่ระดับ 0% และลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่ฝากไว้กับ ECB ลงสู่ระดับ -0.4% พร้อมทั้งเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนนั้น ถือว่าเป็นยาแรงที่เกินความคาดหมายของหลายฝ่าย ซึ่ง ECB ต้องการนำมาใช้เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เงินเฟ้อและเศรษฐกิจในยูโรโซนฟื้นตัวขึ้น ซึ่งตนกลับมองว่ามาตรการนี้ไม่ได้ช่วยทำให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง
– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าทดสอบแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาที่ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ในระยะสั้น ภายหลังจากประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่นำไปสู่กระแสเงินทุนไหลเข้าทางฝั่งเอเชียอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะภาคธุรกิจบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
– ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) แนะจับตาดูการแข็งค่าของเงินบาทช่วงสั้น หากค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าประเทศเพื่อนบ้านอาจเป็นแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้
– นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังการประชุมคณะทำงาน Doing Business ว่า กระทรวงการคลังได้ประสานการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อให้การทำธุรกิจของนักลงทุนสะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกรอบการทำงานของธนาคารโลกที่เสนอมา 8-9 ขั้นตอน โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมาย และลดขั้นตอนต่างๆ ในการทำธุรกรรมของเอกชนให้แข่งขันได้มากขึ้น หากไทยสามารถแก้ไขได้ดีใน 1 ด้าน อาจทำให้ไทยปรับขึ้นติดอันดับ 1 ใน 30 ได้
– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองทิศทางตลาดรถยนต์ในประเทศปี 59 ยังอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงสูง โดยอาจหดตัวลดลงได้ถึง 5-10% หรือคิดเป็นจำนวนยอดขายรถยนต์ประมาณ 720,000-760,000 คัน โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 1 มีโอกาสหดตัวสูง เนื่องจากมีการเร่งซื้อรถยนต์บางกลุ่มไปก่อนหน้าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558
– นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในปัจจุบันว่า ระดับหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง และเป็นระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ได้แก่ มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่ร้อยละ 88 และ 75 ตามลำดับ และถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว เช่น แคนาดา สหราชอาณาจักร และเดนมาร์ก เป็นต้น
– นายสง ซิน ประธานสมาคมทองคำจีนของจีน (CGA) เปิดเผยว่า ประเทศและภูมิภาคต่างๆตามแนวโครงการ “Belt and Road” มีแหล่งแร่ทองที่อุดมสมบูรณ์ ขณะที่จีนมีเทคโนโลยีการขุดทอง การทำเหมืองแร่ การสกัดแร่เหล็กและการผลิตเหล็กกล้า และผลประโยชน์ด้านความสามารถพิเศษ ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกันและมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ตลอดจนพื้นที่สำหรับความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งทรัพยากรทองคำ
– ธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราอ้างอิงสกุลเงินหยวนรายวันสูงสุดในรอบ 4 เดือนในวันนี้ ส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 2.22% แตะที่ 6.4905 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐเช้าวันนี้ ขณะที่ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาไทย เงินหยวนปรับตัวขึ้น 0.32% แตะที่ 6.4869 หยวนต่อดอลลาร์
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์