BTS บวก 2% รับข่าวผู้บริหารกทม.เห็นชอบเสนอของบ 3.2 หมื่นล้าน เคลียร์หนี้สายสีเขียว

BTS ดีดบวก 2% รับข่าวที่ประชุมผู้บริหารกทม.ลงมติเห็นชอบเสนอขออนุมัติงบ 3.2 หมื่นล้านบาท จากเงินสะสม ล้างหนี้เดินรถ-ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว หวังลดภาระดอกเบี้ย เตรียมชงสภากทม.เร่งด่วน ขีดเส้นจ่ายไม่เกิน 15 พ.ย. 68


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 10:12 น. อยู่ที่ระดับ 3.12 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 1.96% สูงสุดที่ระดับ 3.24 บาท ต่ำสุดที่ระดับ  3.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 135.10 ล้านบาท

โดยวานนี้ (30 ก.ย.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ครั้งที่ 4/2568 โดยที่ประชุมมีวาระสำคัญในการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการและกรอบวงเงิน เพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 โดยการจ่ายขาดจากเงินสะสม กทม.ในกรอบวงเงินไม่เกิน 32,625,106,200 บาท

โดยวัตถุประสงค์หลักของการตั้งงบประมาณเพิ่มเติมครั้งนี้ คือ การเร่งรัดชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุง(O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 (ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง) และส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึง 31 สิงหาคม 2568 โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่กำหนดให้ กทม.และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ต้องร่วมกันชำระหนี้ให้แก่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS

ทั้งนี้นายชัชชาติ ได้ให้นโยบายเร่งรัดว่า หากสามารถดำเนินการชำระหนี้ได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 เช่น ภายในเดือนตุลาคมนี้ก็ควรเร่งดำเนินการเพื่อให้ กทม.ได้รับประโยชน์จากการประหยัดส่วนต่างของดอกเบี้ย ที่ยังคงเดินอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ผลการเจรจาต่อรองล่าสุดที่ กทม.มอบให้ KT ดำเนินการ ได้ข้อสรุปว่า 1) กำหนดการชำระ ปรับจากเดิมที่ตกลงกันไว้ภายในเดือนตุลาคม 2568 เป็นภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 2) การปรับลดดอกเบี้ย โดย BTSC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากเดิม MLR บวก 1% ให้เหลือเพียง MLR (อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี) สำหรับช่วงวันที่ 1 เมษายน 2568 จนถึงวันที่ชำระค่าจ้างเดินรถฯ โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองรายงานการประชุมทันที เพื่อเร่งเสนอเรื่องต่อสภา กทม.ให้พิจารณาโดยเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กทม.ได้ชำระหนี้ค่าจ้าง O&M ในการฟ้องครั้งที่ 1 แก่ BTSC แล้ว โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ยืนตามศาลปกครองกลางให้ กทม.และ KT ชำระค่าจ้าง O&M สายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2562-พฤษภาคม 2564 และส่วนต่อขยายที่ 2 ระหว่างเดือนเมษายน 2560-พฤษภาคม 2564 พร้อมดอกเบี้ยแก่ BTSC เป็นจำนวนเงินรวม 14,476 ล้านบาท (หนี้ก้อนที่ 1) โดย กทม.ได้ชำระให้สำนักงานบังคับคดีสำนักงานศาลปกครองแล้ว เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม  2567

ขณะปัจจุบัน กทม.ยังมีหนี้ค้างชำระค่าจ้าง O&M ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประกอบด้วย หนี้ก้อนที่ 2 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 รวม 11,811 ล้านบาท ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ให้ กทม.ชำระภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

หนี้ก้อนที่ 3 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565-ธันวาคม2567 รวม 17,596 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 15,762 ล้านบาท และดอกเบี้ย 1,833 ล้านบาท (ยังไม่มีการฟ้องคดี) และหนี้ก้อนที่ 4 ค่าจ้าง O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568-ธันวาคม 2568 ประมาณการค่าจ้าง 6,248 ล้านบาท (ชำระตามสัญญาทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน) ซึ่งยังไม่มีการฟ้องคดี

Back to top button