HMPRO วิ่ง 3% รับแผนเปิด “ไฮบริดสโตร์” สาขาใหม่ 570 ล้าน ดันยอดขายเพิ่มเดือนละ 60 ล้าน

HMPRO บวก 3% หลังทุ่มงบ 570 ล้านบาท เปิดไฮบริดสโตร์แห่งอนาคตสาขาใหม่ “โฮมโปร x เมกาโฮม พุทธมณฑลสาย 4” รุกโซนเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกโตระยะยาว ตั้งเป้าสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทต่อเดือน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ณ เวลา 11:25 น. อยู่ที่ระดับ 7.10 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.90% สูงสุดที่ระดับ 7.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60.74 ล้านบาท

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ HMPRO กล่าวว่า เดินหน้าขยายสาขาในพื้นที่ศักยภาพฝั่งตะวันตก เปิดไฮบริดสโตร์แห่งอนาคตสาขาใหม่ “โฮมโปร x เมกาโฮม พุทธมณฑลสาย 4” ใช้งบลงทุนกว่า 570 ล้านบาท บนพื้นที่รวมกว่า 13,277 ตารางเมตร (ตร.ม.) เปิดบริการเต็มรูปแบบ 17 ต.ค. 2568 นี้ พร้อมแคมเปญโปรโมชันฉลองเปิดสาขาใหม่ ตั้งเป้าสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ “โฮมโปร x เมกาโฮม พุทธมณฑลสาย 4” วางบทบาทเป็นศูนย์กลางที่คนทำบ้านและคนทำงานช่างได้มาเจอกัน ด้วยพื้นที่ขายสองโซนที่ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกันอย่างลงตัว ผสานแรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์คนเมืองเข้ากับอุปกรณ์การทำงานจริง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ห้องตัวอย่างดีไซน์ตอบโจทย์คนเมือง ไปจนถึงพื้นที่ให้ลูกค้าได้สัมผัสของแต่งบ้านจริง ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน รวมถึงแผนกห้องครัว และห้องน้ำที่มีครบทุกองค์ประกอบ เส้นทางช้อปยังเชื่อมต่อสู่โซนวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ครบทั้ง เหล็ก ปูน สี ระบบน้ำ–ไฟ และเครื่องมือหนักที่ช่างและโรงงานใช้จริง พร้อมมีทีมที่ปรึกษาและทีมช่างโฮมโปร–มือโปรประจำบ้านคุณ ที่คอยดูแล ให้คำแนะนำ ออกแบบ และเลือกสเปกสินค้าได้แบบครบวงจร

ทั้งนี้ ทำเลพุทธมณฑลสาย 4 ถือเป็นจุดบรรจบระหว่าง ดีมานด์เรื่องบ้านในปัจจุบันนี้ กับ ศักยภาพของการเป็นฮับธุรกิจแห่งอนาคต ด้วยความเป็นถนนสายรองที่เติบโตเร็วที่สุดของย่าน และเป็นเส้นหลักสายเดียวที่เชื่อมต่อกับถนนเส้นเศรษฐกิจสำคัญอย่าง มหาชัย ถนนบรมราชชนนี เพชรเกษม และพระราม 2 จึงกลายเป็นเส้นทางคมนาคมหลักที่เชื่อมโยงทั้งการค้าและการอยู่อาศัยของเมืองชั้นใน ทำให้พื้นที่นี้มีศักยภาพดึงดูดทั้งผู้คน-การลงทุน-กำลังซื้อ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องระยะยาว การเปิดไฮบริดสโตร์อนาคต “โฮมโปร x เมกาโฮม พุทธมณฑลสาย 4” นี้ จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของการยกระดับรีเทลเรื่องบ้านและงานก่อสร้าง ให้ตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มลูกค้าผู้บริโภค (End User) และกลุ่มธุรกิจ (B2B) โดยเฉพาะกลุ่มช่างและภาคอุตสาหกรรม ได้อย่างครบวงจร

Back to top button