
SMO รีบาวด์ 5% ย้ำหุ้นเติบโต โบรกเคาะเป้าสูง 8.80 บาท
SMO เด้งกลับ 5% ผู้บริหารย้ำเป็นหุ้น Growth Stock โอกาสลงทุนระยะกลาง-ยาว เติบโตต่อเนื่อง จ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% วางแผนเพิ่มกำลังผลิต 30% ปี 69 ดันยอดขายทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท โบรกเคาะเป้าสูง 8.80 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO ณ เวลา 10:10 น. อยู่ที่ระดับ 4.32 บาท บวก 0.22 บาท หรือ 5.37% สูงสุดที่ระดับ 4.36 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.24 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 111.56 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น SMO ปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังวานนี้ปรับตัวลดลงปิดต่ำกว่าราคาไอพีโอ ด้าน นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMO กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ถือเป็นโอกาสในการลงทุนในระยะกลางหรือระยะยาว ซึ่ง SMO เป็นทั้งหุ้นเติบโต (Growth Stock) โดยปีนี้คาดการณ์ยอดขายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท และเป็นหุ้นปันผล (Dividend Stock) ซึ่งคาดปีนี้จะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผล ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว
โดยการระดมทุนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเติบโต โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิต อีกประมาณ 30% ในปี 2569 ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็นกว่า 300 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง จากปัจจุบันมี 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และมีแผนการสร้างโรงงานใหม่ จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกในปี 2571 ทำให้ยอดขายมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SMO กล่าวว่า ราคาหุ้นในการเปิดตลาดอาจได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นและความคาดหวังในการเก็งกำไร ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน โดยนักลงทุนจะรู้สึกผิดหวังหรือขาดทุนจากการซื้อหุ้น หากซื้อไปเพื่อทำกำไรเหมือนกับการซื้อลอตเตอรี่ในวันแรก ขณะที่การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงพื้นฐานในเรื่องของทิศทางธุรกิจและแนวโน้มผลประกอบการที่มีความสามารถในการเติบโต
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐาน และมองการลงทุนในหุ้น IPO เป็นโอกาสในการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากบริษัทมีนโยบายปันผลที่ชัดเจนและมีศักยภาพในการเติบโตสูง
นายกุศล ศรีเปารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน SMO กล่าวว่า ปี 2569 คาดจะมียอดขายประมาณ 11,000-12,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดจะมียอดขายประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งอ้างอิงจากราคา CPO (น้ำมันปาล์มดิบ) ในปัจจุบัน รวมถึงการควบคุมต้นทุน และจากการเพิ่มกำลังการผลิต 30% จากโรงงาน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี กำลังจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบอีก 75 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง จากปัจจุบันที่มีการผลิต 75 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง จะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 150 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ในปี 2569 ก็จะทำให้มีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานทั้งหมดเพิ่มเป็น 315 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง จากปีนี้อยู่ที่ 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะตั้งโรงงานใหม่ที่จ.นครศรีธรรมราช บนพื้นที่ 210 ไร่ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 800-900 ล้านบาท โดยจะเป็นโรงงานที่สมบูรณ์แบบมาก มีการดูแลเรื่อง ESG และการจัดการฝุ่นควันและระบบน้ำอย่างครบถ้วน ทำให้ต้องเพิ่มเงินลงทุนอีก 200-300 ล้านบาท เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน จากเงินลงทุนในการใช้ตั้งโรงงานที่จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินลงทุนส่วนหนึ่งจากเงินระดมทุนที่ได้รับจากการ IPO และการกู้เงิน
ทั้งนี้คาดว่าโรงงานใหม่จะมีกำลังการผลิตประมาณ 60 ตันปาล์มสดต่อชั่วโมง จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็นประมาณ 400 ตันปาล์มสดต่อชั่วโมง ในปี 2571 และมีแผนขยายลานรับซื้อผลปาล์ม เพิ่มอีก 13 แห่ง แบ่งเป็นลานย่อย 10 แห่ง และลานใหญ่ 3 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 50 แห่ง เพื่อรองรับการขยายตัวของโรงงานใหม่ที่จ.นครศรีธรรมราช


