หุ้นแบงก์–เช่าซื้อคึก! รับรัฐงัด 4 มาตรการพักหนี้ คุมคุณภาพสินทรัพย์–กำลังซื้อฟื้นตัว

หุ้นแบงก์–เช่าซื้อวิ่งคึก นำโดย BBL–KBANK–KTB–SCB–TTB ขณะ MTC และ SAWAD เด่น หลังครม.เศรษฐกิจเคาะ 4 มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งพักหนี้ 1 ปี ดอกเบี้ย 0%–ซอฟต์โลนเอสเอ็มอี–ลดภาษี–เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ลดความกังวลความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ และหนุนกำลังซื้อทยอยฟื้นตัว


ผู้สื่อข่าวรายานงานว่า ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์-เช่าซื้อบวกคึก นำโดย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL  ณ เวลา 10:24 น.อยู่ที่ระดับ 161.00 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 0.94% สูงสุดที่ระดับ 161.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 160.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 736.69 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK  ณ เวลา 10:30 น. อยู่ที่ระดับ 189.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.26% สูงสุดที่ระดับ 191.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 188.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 581.40 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ณ เวลา 10:31 น. อยู่ที่ระดับ 28.00 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.90% สูงสุดที่ระดับ 28.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 368.84 ล้านบาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ เวลา 10:34 น. อยู่ที่ระดับ 131.00 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.38% สูงสุดที่ระดับ 131.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 130.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 336.36 ล้านบาท

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ณ เวลา 10:34 น. อยู่ที่ระดับ 1.94 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 0.52% สูงสุดที่ระดับ 1.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.92 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 243.92 ล้านบาท

ส่วนบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ณ เวลา 10:35 น. อยู่ที่ระดับ 33.75 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.75% สูงสุดที่ระดับ 33.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 33.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.62 ล้านบาท

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ณ เวลา 10:37 น. อยู่ที่ระดับ 26.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.96% สูงสุดที่ระดับ 26.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 26.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62.87 ล้านบาท

ด้านบล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(2 ธ.ค.68)ว่า ครม.เศรษฐกิจออก 4 มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ได้แก่

1.) ด้านพักจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย และพร้อมคิดดอกเบี้ย 0% ตลอด 12 เดือน โดยไม่ถูกจัดชั้นเป็นหนี้เสีย (NPL) และมาตรการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟู อาทิ สินเชื่อเยียวยาลูกหนี้เดิม ไม่เกิน 1 แสนบาท รวมถึงการให้ Soft Loan ให้ Soft Loan สาหรับ SME: จัดให้มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่า โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้าประกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาประกอบธุรกิจได้ โดยจะประสานงานกับ BOT เพิ่มเติม

2.) การเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชนได้แก่ เงินเยียวยาครัวเรือน: คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติงบกลางในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้สามารถเบิกจ่าย อาทิ เงินสดจานวน 9,000 บาทต่อครัวเรือน

3.) มาตรการลดภาระภาษีให้ประชาชนและผู้ประกอบการ ประกอบไปด้วยมาตรการขยายเวลาชาระภาษี: ขยายเวลาชาระภาษีและค่าธรรมเนียมทั้งหมด และลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสาหรับการซ่อมแซม

4.) การลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการ เช่น การยกเว้นอากรศุลกากรสาหรับเครื่องจักรและชิ้นส่วนเพื่อทดแทนหรือซ่อมแซมความเสียหายจากอุทกภัย การยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เช่า ที่ราชพัสดุที่ประสบอุทกภัย

ทั้งนี้ประเมินมาตรการช่วยเหลือบวกต่อกลุ่มเช่าซื้อมากสุด โดยเฉพาะมาตรการพักหนี้ มอง MTC, SAWAD ตัวเลือก รองมาคือ หุ้นธนาคาร KTB, KBANK ลดความกังวลต่อความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ นอกจากนี้ บวกต่อกลุ่มจะได้ประโยชน์จากการเร่งซ่อมแซ่มจากเม็ดเงินช่วยเหลือของรัฐฯ อาทิ GLOBAL TOA SCC และท่องเที่ยวจากภาพสถานการณ์ฟื้นฟูสู่ปกติ อาทิ AOT CENTEL

โดยวานนี้ (1 ธ.ค.) คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะเดินทางลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเป็นชุดมาตรการที่ประกอบด้วย พักหนี้ทั้งเงินและดอกเบี้ยลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ การให้สินเชื่อเพื่อการยังชีพและฟื้นฟูบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมฯ ว่า ภายหลังน้ำลด สิ่งที่ต้องทำคือการบูรณาการความช่วยเหลือทุกภาคส่วนเพื่อฟื้นฟูชีวิตประชาชนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งมาตรการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู ได้แก่

1.การลดภาระหนี้สินเชื่อผ่านความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินของรัฐ และสถาบันการเงินภาคเอกชน โดยช่วยเหลือด้วยมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 12 เดือน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาการพักชำระหนี้ รายละไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจ, การให้สินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เป็นสินเชื่อเพิ่มเติมภายใต้วงเงินกู้เดิมกับธนาคาร (ลูกหนี้เดิม) รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก, การให้สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก, การสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเสียหาย การยกเว้นภาษีเงินได้, กลุ่มเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการจะมีซอฟต์โลน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยมี บสย.ค้ำประกันเพื่อประกอบธุรกิจได้

2.การเพิ่มเงินในกระเป๋าส่งเงินให้ประชาชนได้มีเงินในกระเป๋า สำหรับเงินเยียวยา 9,000 บาท เตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ และหลังเข้าผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วจะเร่งเบิกจ่ายโดยเร็ว, ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขยายเงินทดรองเพื่อนำมาใช้จ่ายต่าง ๆ จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่ ทั้งการจัดครัวจัดอาหารให้กับประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว, การประกันสินทรัพย์ที่เสียหาย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามการเสียหายที่เกิดขึ้นจริงไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับร้านค้าต่าง ๆ ส่วนผู้มีประกัน 30,000 บาท และรถยนต์เคลมเร็ว โดยให้ถ่ายรูปรถยนต์ให้เห็นทะเบียน ระดับน้ำ เพื่อให้เคลมรถยนต์ได้ทันที, กระทรวงแรงงานจะพบกับผู้ประกอบการ โดยการจะช่วยเหลือแรงงานที่ไม่มีรายได้ เงินนำส่งประกันสังคมขอให้ขยายตัวเวลาเงินนำส่งประกันสังคมทั้งหมด, ลูกจ้างจะจ่ายทดแทนกรณีว่างงาน 50% ของค่าจ้างเป็นเวลา 180 วัน, สินเชื่อเพื่อการจ้างงานให้กับผู้ประกอบการ ลูกจ้างไม่เกิน 200 คน กู้ได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท

3.ลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าราคาถูก ธงฟ้าเยียวยา ด้วยขยายเวลาชำระภาษีทั้งหมด ผู้ประกอบการขอให้ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับซ่อมแซมทรัพย์สินตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท,ลดหย่อนภาษีซ่อมแซมรถตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท, สำหรับผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สิน 2 เท่า, ผู้บริจาคช่วยผู้ประสบภัยสามารถลดหย่อนภาษีได้ และกระทรวงพาณิชย์จะทำรายการธงฟ้า

4.ทำให้พื้นที่ประสบภัยฟื้นฟูกลับมาเข้มแข็ง

นายเอกนิติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียน โดยให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว การเตรียมความพร้อม ให้กระทรวงการต่างประเทศขอความช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ เพื่อวางระบบดูแลผู้ประสบภัยหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก สามารถนำบทเรียนนี้มาแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะยาว ไม่ให้เกิดแบบปัญหาเดิม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยให้หน่วยงานราชการไปจัดสัมมนาในพื้นที่น้ำท่วมหลังฟื้นฟูแล้ว เพื่อให้กระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาฟรีนั้น ทางกระทรวงมหาดไทยจะมีการพิจารณาเรื่องนี้

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่ สงขลา ต้องยอมรับว่า แนวทางการดำเนินงานของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งธนาคารรัฐสามารถออกมาตรการได้โดยตรงและรวดเร็ว ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีการดำเนินงานอย่างอิสระ ซึ่ง ธปท.ได้หารือเพื่อขอความร่วมมือแล้ว ล่าสุด สมาคมธนาคารไทยยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือแน่นอน แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณารายละเอียดของมาตรการที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า

ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไปแล้ว 4 ครั้ง มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 และ 2569 ต่ำกว่า 0.2% เพราะปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ได้เกิดมาจากการบริโภค แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นหลัก ดังนั้นหาก ธปท.จะใช้แค่นโยบายดอกเบี้ยอย่างเดียว ก็จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจน้อยมาก แต่นโยบายเรื่องอัตราดอกเบี้ยก็ยังมีความจำเป็น เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่อง ทำให้คนอยู่ได้ จ่ายหนี้ได้ไม่เป็นหนี้เสีย

ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. นี้ คงต้องมาดูกันว่า กนง. จะเห็นภาพและข้อมูลของเศรษฐกิจเป็นอย่างไร แต่ทั้งนี้ มองว่าเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบาย ยังมี room พอที่จะทำได้

“เราจะออกนโยบายการเงินควบคู่กันไปกับนโยบายการคลัง วันนี้เราเสริมมาตรการเป็นจุด ๆ และออกมาตรการซ้ำ ๆ เพื่อแก้ปัญหา โดยเราจะใกล้ชิดปัญหา และประชาชนมากขึ้น ซึ่งเป็น Core Value ของ ธปท.มา 20 ปี คือ ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ ติดดิน โดยจะไม่มีคำว่า “หอคอยงาช้าง” อีกแล้ว เราจะทำงานร่วมกับกระทรวงคลัง และสนับสนุนเต็มที่” นายวิทัยกล่าว

Back to top button